×

คุยเรื่องรัก เทคโนโลยี และปัญหาหัวใจมนุษย์ยุค 2020 กับ ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์

14.02.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

8 mins. read
  • โซเชียลมีเดียและความรวดเร็วของเทคโนโลยีมีส่วนทำให้มนุษย์ทุกวันนี้อดทนรอไม่ค่อยได้ ต้องการรวบรัดให้ทราบบทสรุปให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในบริบทความรักและความสัมพันธ์
  • ไม่เพียงเท่านั้น โลกโซเชียลยังมีส่วนทำให้คู่รักจำนวนไม่น้อยคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของตัวเองจะต้องเป็นไปในแบบที่ดี ที่ใช่ โดยเฉพาะตัวอย่างชีวิตคู่ดีๆ ที่พบเห็นได้ง่ายบนโลกออนไลน์
  • วลีที่ว่าคนชอบบอกรักต่อหน้า แต่ชอบบอกลาผ่านโซเชียลมีเดีย เกิดขึ้นเพราะสองความรู้สึก ‘รัก’ และ ‘อยากลา’ ล้วนแล้วแต่กระอักกระอ่วนด้วยกันทั้งสิ้น แต่การบอกเลิกใครสักคนเป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่า

“อ่านไลน์แล้วทำไมไม่ตอบ”

“ทำไมรับสายช้า” 

“นี่เธอแอบไปเล่นทินเดอร์ตั้งแต่เมื่อไร”

“แล้วสรุปเราเป็นอะไรกันแน่”

 

ประโยคเหล่านี้กลายเป็นชุดคำถามยอดฮิตที่คู่รักจำนวนไม่น้อยในปี 2020 ต้องเผชิญ โดยเฉพาะในวันที่ ‘เทคโนโลยี’ และโซเชียลมีเดียก้าวเข้ามามีบทบาทกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนมากขึ้นจนแทบจะแยกออกจากกันไม่ได้

 

ผลที่ตามมาจึงทำให้ชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเผลอมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และมีส่วนทำให้มุมมอง ‘ความรัก’ และ ‘ความสัมพันธ์’ ของผู้คนได้รับลูกหลงจนบิดเบี้ยวตามไปด้วย ซึ่งในที่สุดก็เกิดเป็นปัญหาชีวิตรักและชีวิตคู่ที่แลกมาด้วยน้ำตาและบาดแผลความเจ็บปวด

 

THE STANDARD ชวน ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์ นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักตอบปัญหาความรักผ่านแฮชแท็ก #ทวิตรัก มาบอกเล่าปัญหารักที่คนในยุคนี้ต้องเผชิญ ร่วมหาทางออกของความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงและเจ็บปวดเพื่อให้เรามีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งจากเทคโนโลยีและปัจจัยภายนอก

 

 

ในวันที่เทคโนโลยีและสื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น ปัญหา ‘ความรัก’ ที่คนในยุคนี้ต้องเผชิญบ่อยที่สุดคือเรื่องอะไร

ดิฉันว่าคำถามที่คนถามเข้ามาในที่ต่างๆ ‘เรื่อง’ ยังเหมือนเดิม คือไม่รู้ว่าคนที่ตัวเองชอบเขาชอบเราหรือเปล่า แล้วเราต้องทำอย่างไร คำถามจะเป็นชุดเดิมๆ เมื่ออยู่ในความสัมพันธ์แล้วไม่พอใจในความสัมพันธ์ ตึงเครียด จะทำอย่างไร มันคือคำถามชุดเดิมเลยคุณ อมตะมาก

 

แต่เนื่องจากพื้นที่และความเร็วมันเปลี่ยน แนวโน้มที่ดิฉันเห็นคือคนจะอยู่กับ ‘ความชัดเจน’ ไม่ค่อยได้ เร่งรัดมาก ต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าเขาชอบเราไหม ต้องการความชัดเจนโดยทันที ทั้งๆ ที่จริงๆ ความรักความสัมพันธ์ ถ้าดูจากในอดีตมันจะเป็นเรื่องความไม่ชัดเจนเสียเยอะ เป็นสีเทาๆ เยอะ ทีนี้คุณจะเอาความชัดเจนและต้องเดี๋ยวนี้ด้วย นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ต้องดูต่อไปว่าจะมีผลอย่างไร

 

ถามว่าใจร้อนไหม ไม่รู้ แต่คนจะมีความรู้สึกว่าเรื่องทั้งหลายทั้งปวงจะต้องเห็น (บทสรุป) ชัดเจนเดี๋ยวนี้ กลายเป็นแนวโน้มของคนอายุน้อยๆ ที่เห็นในช่วงหลัง 

 

ส่วนหนึ่งก็เพราะคุณมีช่องทางในการติดต่อสื่อสาร แล้วคุณก็รู้สึกว่าการรับรู้ข่าวสารของคุณ คุณรับรู้ความสัมพันธ์ของคนอื่นผ่านโซเชียลมีเดียทั้งหลาย เห็นการดำเนินไป เห็นความคลี่คลาย คุณก็จะคิดว่าความสัมพันธ์ของคุณเองก็ต้องเป็นแบบนั้นบ้าง จึงทำให้ดูเหมือนว่าอยากให้เกิดความชัดเจนเร็วๆ อยากให้เป็นอย่างนี้เร็วๆ หรืออกหักก็อยากจะหายเจ็บปวดให้ได้ทันที ซึ่งบางทีมันไม่ใช่ มันต้องอาศัยเวลา มิติเรื่องเวลามันหายไปจากวิธีคิดของคนในปี 2020

 

แล้วเราจะแก้ปัญหาที่ว่านี้อย่างไร

‘ให้เวลาทำงาน’ ให้เวลามันคลี่คลายเรื่องบางเรื่อง เช่น อยากรู้ว่าคนคนหนึ่งเขาชอบคุณไหม ถ้าคุณยอมปล่อยให้เวลาทำงานสักนิดหนึ่ง คุณก็จะเห็นความเป็นไปได้ว่ามันจะเป็นอย่างไรมากขึ้น หรือถ้าเจ็บปวดกับความรัก ถ้าให้เวลาทำงาน มันก็จะคลี่คลายได้ ลองใส่เวลากลับเข้าไปในบริบทของความสัมพันธ์ใหม่

 

 

คนจะอยู่กับ ‘ความชัดเจน’ ไม่ค่อยได้ เร่งรัดมาก ต้องรู้ให้ได้เดี๋ยวนี้ว่าเขาชอบเราไหม ต้องการความชัดเจนโดยทันที

 

 

เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ความสะดวกสบายมากขึ้น ใครๆ ก็ใช้วิดีโอคอลหรือโซเชียลมีเดียคุยกันได้ ถ้าอย่างนั้นการต้องหาเวลามาเจอกันยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่ไหมสำหรับคนรักกัน ในเมื่อเราก็สามารถเจอกันผ่านโลกออนไลน์ได้ตลอดเวลา

มันก็แล้วแต่คู่อีก คนบางคนที่ต้องใช้วิดีโอคอล เฟซไทม์ เพราะอยู่ไกลกันมาก ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างรวดเร็วทุกวัน เขาก็อาจจะใช้รูปแบบการสื่อสารเหล่านั้น ทีนี้คำถามก็คือการสื่อสารผ่านช่องทางแบบนี้คุณพอใจไหม และแค่ไหนที่พอใจ 

 

บางคนอาจจะบอกว่าเจอกันได้ตัวเป็นๆแค่สัปดาห์ละหน มันก็แล้วแต่ความสัมพันธ์ของคนแต่ละคู่ บางทีคุณต้องทำความเข้าใจซึ่งกันและกันว่าต่างฝ่ายต่างคาดหวังหรือต้องการอะไร แล้วจัดการให้มันดีๆ ยังไงมันก็เวิร์ก ที่เป็นอยู่ตอนนี้ (ปัญหาทะเลาะกัน) เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ชอบจัดการ 

 

แล้วคุณชอบคิดกันเอาเองว่าคนที่เป็นคู่แท้ต้องรู้ใจเราทุกอย่าง มันมหัศจรรย์มาก ต้องรู้ใจฉันไปหมด ฉันอยู่เฉยๆ คิดอะไรมันก็ต้องรู้ ถ้าอย่างนั้นมันไม่ใช่คู่แท้คุณแล้ว มันเป็นมนุษย์ประเภทมีพลังเหนือโลกลึกลับ มันไม่ควรจะคาดหวังแบบนั้น ในความสัมพันธ์คุณควรจะต้องลงทุนลงแรง ทำงานกับมันด้วยกันทั้งคู่

 

โลกออนไลน์มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงนิยาม ‘ความรัก’ ไปมากน้อยแค่ไหน

เนื่องจากโซเชียลมีเดียมันถูกใช้งานหลายประการ คนบางคนก็จะไปนำเสนอนิยามความรักของตัวเอง มีคนโยนอะไรเข้าไปเยอะมาก เพราะฉะนั้นมันก็จะมีให้คุณได้เสพเยอะ (เรื่องราวความรัก) แล้วก็จะมีคนที่นำเสนอเรื่องราวของตัวเอง

 

เหมือนสร้างหลักคิดให้คู่รักคู่อื่นๆ เห็นว่าการทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง

อะไรอย่างนั้น หรือความสัมพันธ์ของคนบางคู่ เท่าที่ดิฉันได้เห็นบนโซเชียลมีเดียแพร่หลายมากคือคุณรับรู้เรื่องเขาไปด้วย เหมือนเป็นหนังสือพิมพ์รายวัน คนที่เสพอะไรแบบนี้ก็จะเห็นตัวอย่างที่รู้สึกว่าเราต้องเป็นแบบนี้ได้บ้างสิ เพราะมองว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนเรา ทำไมถึงมีชีวิตรักและภาพแบบนี้ได้ แล้วดูดี วิ่งตากฝนด้วยกันมา ถ่ายรูปแล้วออกมาเป๊ะ คุณก็คิดว่าต้องได้อย่างนั้นบ้าง 

 

 

มันอันตรายนะ เพราะความคาดหวังของคุณจะถูกยกขึ้นอีกระดับ ไม่ใช่เพียงคาดหวังกับความรักด้วยความเชื่อชุดหนึ่งเฉยๆ แต่ยังมีตัวอย่างเป็นๆ ให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดีย

 

 

จริงๆ แล้วดิฉันมองว่ามันอันตรายนะ เพราะความคาดหวังของคุณจะถูกยกขึ้นอีกระดับ ไม่ใช่เพียงคาดหวังกับความรักด้วยความเชื่อชุดหนึ่งเฉยๆ แต่ยังมีตัวอย่างเป็นๆ ให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งก็น่าสนใจว่ามันจะเป็นอย่างไร ประกอบกับความรู้สึกเร่งเวลาของผู้คนด้วย มันอันตรายนะ ถ้าหลายๆ คนคลี่คลายมันไม่ได้ เป็นต้นว่าต้องมีกิจกรรมแบบนี้ หรือดูสิว่าเขามีความสุขกันตลอดเวลาเลย คุณคิดว่าคุณต้องเป็นแบบนั้นบ้าง แล้วก็ย้อนกลับมาดูคู่ตัวเองว่าทำไมเรามีเรื่องกระทบกระทั่งกัน มันกลายเป็นว่าตัวคุณและความสัมพันธ์ของคุณถูกเปรียบเทียบกับอะไรบางอย่างที่คุณเห็น แล้วคุณก็ไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่

 

 

 

เป็นไปได้ไหมว่าสำหรับคนที่อาจจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่จับต้องได้ การเปรียบเทียบตัวเองกับโลกโซเชียลเป็นต้นตอที่ทำให้คนเกิดพฤติกรรม ‘เหงา’ มากขึ้น 

‘ความเหงา’ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อมตะนิรันดร์กาล ในทุกช่วงเวลาก็จะมีคนที่รู้สึกว่าตัวเองเหงา แต่ทีนี้ ณ เวลานี้บางทีดิฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าที่คนเหงา ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะวิถีชีวิตและวิธีการทำงาน วิธีที่คนวางตัวในโลก การทำงานของคุณ งานหลายประเภททำคนเดียวได้ ทำอยู่บ้านก็ได้ คุณไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แนวโน้มมันเลยทำให้คุณไม่ได้มีโอกาสเจอผู้คน มันจึงเป็นหนึ่งในแง่มุมที่จะทำให้เหงาก็ได้

 

ทีนี้จะทำอย่างไรถ้ามีความรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครในชีวิตประจำวัน มีแฟนแล้วหายไหมล่ะ จริงๆ แล้วมีแฟนคุณอาจจะเพิ่มเรื่องปวดหัวเข้าไปอีกก็ได้ มันอาจจะต้องมาคิดถึงว่าวิถี ณ วันนี้เป็นอย่างไร แล้วคุณสามารถมีคนอื่นๆ ในชีวิตที่เป็นแฟนหรือไม่เป็นก็ได้หรือเปล่า

 

ดิฉันมักจะพยายามแนะนำคนที่ถามคำถามเรื่องความรักกับดิฉันว่า ให้ลองมองคนรอบๆ ตัวสิว่ามีคนที่ใส่ใจคุณในระดับต่างๆ อยู่จำนวนหนึ่งนะ บางทีถ้าลองหันไปหาคนเหล่านั้น ยื่นมือออกไปก็อาจจะพบว่าตัวเองไม่ได้เหงาก็ได้ แต่ตอนนี้หลายๆ คนตั้งมั่นว่าต้องมีแฟนเท่านั้นเพื่อให้หายเหงา ทีนี้มันก็ลำบากไปอีกแบบ

 

ถามแทนคนที่เพิ่งจะมีประสบการณ์ความรักที่ไม่ดีและกลัวการเริ่มสร้างความสัมพันธ์ใหม่ คำแนะนำสำหรับเขาคืออะไร

ขึ้นอยู่กับว่าเลิกกันหรืออกหักมาเมื่อไร ดิฉันมักจะแนะนำคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนหรือเดินออกจากความสัมพันธ์ว่าให้เว้นวรรคสักหน่อย คือมันจะมีคนที่รู้สึกว่าวิธีจัดการกับความเจ็บปวดเมื่อคุณเลือกออกจากความสัมพันธ์ก็คือการมีแฟนใหม่ คือหาปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกชุด

 

คุณรู้สึกว่ามันทำให้คุณหายเจ็บปวด แต่แท้ที่จริงมันอาจจะไม่ใช่เช่นนั้น บางทีเมื่อคุณออกจากความสัมพันธ์แล้ว วันหนึ่งคุณอาจจะต้องการคลี่คลายบางอย่างในใจคุณ อะไรที่คุณชอบหรือไม่ชอบ รับได้หรือไม่ได้ในความสัมพันธ์ที่เพิ่งเดินออกมา ไม่เช่นนั้นมันจะมีมนุษย์ที่มีความสัมพันธ์แบบเดิม โดนซ้ำที่เดิม ลักษณะคนที่ชอบแบบเดิม มีปัญหาเดิมๆ แล้วคุณเดินซ้ำเส้นทางเดิม มันก็จะทำให้คุณเจ็บปวดและไม่พอใจแบบเดิม

 

จริงๆ การเว้นวรรคสักหน่อย อย่าถามนะว่านานแค่ไหน เพราะมันไม่เหมือนกัน เว้นวรรคแล้วลองดูว่าที่ผ่านมาฉันรับอะไรได้ไหม มีอะไรที่ฉันไม่ชอบ ถ้าเกิดความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในอนาคตข้างหน้า คุณจะรู้เลยว่ามีอะไรบ้างที่คุณรับไม่ได้ ซึ่งมันไม่เหมือนกัน ทีนี้คนในยุคนี้ก็อย่างที่บอกว่าพวกเราใจร้อนมาก เราไม่ยอมให้เวลาทำงาน ต้องกระโดดยิ่งกว่ากบเสียอีก กระโดดไปสู่ความสัมพันธ์หลายชุดติดกัน

 

ถ้าคุณมีความสุขมันก็ไม่เป็นไร แต่หลายๆ คนก็อย่างที่บอกว่ามีปัญหาชุดเดิม แล้วถามว่าเมื่อไรควรมีแฟนใหม่ดี เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละ มันจะมีคนบางคนที่คุณเจอแล้วจะรู้สึกว่า “เฮ้ย กูยอมเสี่ยงอีกรอบ” นั่นแหละใช่ แต่ถ้าคุณเจอคนที่ยังลังเลว่าคนนี้ดีไหม เราควรจะเริ่มแล้วหรือยัง ถ้ามีคำถามแบบนี้อยู่ไม่ต้องเริ่ม มันจะมีคนบางคนที่คุณพร้อมเสี่ยง ไม่ได้แปลว่าเป็นคนที่ถูกต้องนะ แต่หมายถึงคนนี้คือคนที่เราพร้อมจะเสี่ยง สำคัญที่สุดเลยคือจะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รับอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง อย่างน้อยๆ ในความสำคัญครั้งต่อไปคุณก็จะมีอะไรอยู่ในมือที่เป็นตัวช่วยของคุณ

 

 

จำเป็นไหมที่เราจะต้องมีแฟน ผูกมัดความสัมพันธ์กับใครสักคน สมมติว่าถ้าเรามีความสุขกับการเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แบบนี้ผิดไหม

ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนิยามความรักความสัมพันธ์อย่างไร ชอบอะไร แล้วนิยามสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดี มีหน้าตาหรือองค์ประกอบอย่างไร เพราะฉะนั้นก็จะมีมนุษย์บางกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์กติกาว่าด้วยเรื่อง ‘รักเดียวใจเดียว’ ความสัมพันธ์ต้องเป็นเรื่องคนสองคนเท่านั้น อาจจะมีคนที่ไม่ได้ต้องการแบบนี้ ไม่ใช่อาจจะ แต่มีเลยล่ะ

 

มีความรู้สึกว่าฉันอยู่ในความสัมพันธ์แบบเปิด ไม่ได้ผูกมัดกัน อยากมีคู่หลายๆ คนพร้อมกัน คำถามก็คือแล้วเขาไปเจอคนแบบไหน ถ้าไปเจอคนที่มีความคาดหวังว่าความสัมพันธ์ต้องเป็นเรื่องของคนสองคน มันก็เสร็จทันที ในที่สุดมันก็จะกลายเป็นพุ่งชนกัน ความรักความสัมพันธ์มันยังไงก็ได้แหละ ถ้าคุณโอเคและรู้สึกดี ไม่มีตายตัว เพราะที่คนอื่นๆ หรือสังคมบอกว่าแบบนี้คือดี มันอาจจะไม่โอเคสำหรับคุณก็ได้ ลองหันมาตรวจสอบตัวเองโดยการเอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่าเราต้องการอะไร

 

ว่ากันว่าคนมักจะชอบความรู้สึกเวลาที่มีคนมาชอบ หรือหลงใหลความรู้สึกในช่วงแรกที่เริ่มจีบกันใหม่ๆ ยังไม่หมดโปรโมชัน 

ใครๆ มันก็ชอบเวลาที่จีบกันใหม่ๆ ทั้งนั้นล่ะ เพราะในความสัมพันธ์ที่หฤหรรษ์มากๆ ก็คือช่วงใหม่ๆ ช่วงที่ต้องมาลุ้น เมื่อผ่านไปสักระยะมันก็ไม่มีของหรือคนไหนในโลกนี้ที่จะ ‘ใหม่’ ไปชั่วฟ้าดินสลาย สักพักหนึ่งมันก็จะเริ่มเป็นอะไรที่เราเคยชิน เส้นทางก็จะประมาณนี้หมด เมื่อเคยชินก็จะรู้สึกว่าไม่ตื่นเต้น ต้องหาอะไรตื่นเต้นทำ เพราะฉะนั้นคุณก็จะเห็นคู่รักจำนวนมากทำอะไรแปลกประหลาดมหัศจรรย์พันลึกเพื่อให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเป็นแฟนกันใหม่ๆ ไม่มีหรอกค่ะ ผ่านแล้วผ่านเลย ความรู้สึกหฤหรรษ์แรกๆ แต่สิ่งที่คุณได้มาแทนที่คือความคุ้นเคยและคนที่คุณรู้จักดี

 

แฟนคือคนที่คุณรู้จักดี อะไรที่คุณคุ้นเคยแล้วมั่นคงหรือเปล่า ไม่ได้แปลว่ามั่นคงทุกคู่นะ แต่หลายคู่เนี่ยคุณได้อะไรอย่างนี้คืนมา แต่ลองชั่งดีๆ ไหมว่าจะตื่นเต้นตลอดเวลาหรืออยากได้อะไรที่มั่นคง ซึ่งคุณเชื่อไหม นี่คือคำถามอมตะนิรันดร์กาลของมนุษย์ เพราะมนุษย์ไม่ชอบ อยากได้อะไรใหม่ๆ กลัวความมั่นคงเคยชิน แต่ในขณะเดียวกันในมุมความสัมพันธ์ ถ้าคุณอยากจะมีความสัมพันธ์ที่เป็นเรื่องเป็นราว มันก็จะพาคุณไปสู่ความมั่นคงเคยชิน โดยสรุปแล้วคุณก็ต้องถามตัวเองว่าจะเอาอะไรกันแน่

 

เคยมีคำพูดที่ว่า ‘เวลาบอกรักให้บอกรักต่อหน้า’ แต่ทุกวันนี้ยุคใหม่มันกลายเป็นการบอกรักต่อหน้าและบอกลาผ่านโซเชียลมีเดียเสียเยอะ ทำไมคนจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากัน

จริงๆ แล้วทั้งบอกรักและบอกลามันเป็นอาการที่กระอักกระอ่วนนะ คุณจะกระอักกระอ่วนทั้งสองโมเมนต์ ทีนี้เวลาคนบอกรักนั่นเป็นเพราะคุณอยากได้จัด เผชิญหน้าแบบยอมทนกระอักกระอ่วนหรือยอมเสี่ยง เพราะเวลาที่คุณบอกรักไป มันไม่ได้แปลว่าอีกคนเขาจะรักคุณเสมอไปใช่ไหม คุณยอมที่จะพูดเช่นนั้นได้

 

แต่เวลาบอกเลิก คุณเชื่อไหมว่ามันเป็นอะไรที่ยากมากเลย คุณจึงได้เห็นความสัมพันธ์ที่มันคาราคาซังของคน เพราะไม่กล้าบอกเลิก ไม่มีความกล้าหาญพอจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้าและบอกเลิกกัน แต่ตอนนี้มีตัวช่วย คุณก็ใช้วิธีบอกเลิกกันผ่านโซเชียลมีเดีย มันก็ทำให้เหมือนการบอกเลิกง่าย

 

เพราะฉะนั้นมันก็เป็นธรรมดา ตอนบอกเลิกอยากไปสุดขีดแล้ว ใช้โซเชียลมีเดียมันจะได้ไปง่าย ไม่อย่างนั้นบอกเลิกกัน เห็นหน้ากัน มันก็จะมีความอาลัยอาวรณ์ สงสารเขา บอกเลิกไม่ได้ มันจึงทำให้เกิดแพตเทิร์นอย่างที่คุณว่า เวลาบอกรัก ความอยากได้จัดทำให้คุณยอมทำอะไรเช่นนั้นได้ เวลาบอกเลิก คุณอยากไปเต็มที่แล้ว ก็เลยใช้โซเชียลมีเดีย

 

ในบริบทความสัมพันธ์และความรัก อาจารย์มองว่าคนที่บอกเลิกผ่านโซเชียลมีเดียแบบไม่ยอมเจอหน้าเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า

เขาไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่เขาไม่มีความกล้าหาญ ซึ่งก็ไม่เป็นไรนะ เพราะคนที่มีความรักเขาจะกล้าหาญกันเป็นวูบๆ เวลาจะเลิกเนี่ยมักจะไม่ค่อยกล้า ถ้าดิฉันพูดจากประสบการณ์ตัวเอง คำถามจำนวนมากที่ถามเข้ามาเรื่องความรักเนี่ยมักจะถามว่า ‘จะบอกเลิกอย่างไร’ มนุษย์มันแปลก บอกรักก็ไม่เป็น บอกเลิกก็ไม่เป็น ก็เลยต้องมาอาศัยการหาช่องทาง โซเชียลมีเดียก็เป็นช่องทางที่ง่ายดี ไม่ต้องกล้าหาญมากก็ทำได้ สะดวก รวดเร็ว

 

 

เขาไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่เขาไม่มีความกล้าหาญ ซึ่งก็ไม่เป็นไรนะ เพราะคนที่มีความรักเขาจะกล้าหาญกันเป็นวูบๆ เวลาจะเลิกเนี่ยมักไม่ค่อยกล้า

 

 

เผลอๆ อีกหน่อยมันอาจจะมีแอปพลิเคชันช่วยบอกเลิกหรือจัดการการหย่าก็ได้ เพราะตอนนี้มันจะมีตัวแทนว่าด้วยเรื่องการแต่งงาน แอปพลิเคชันช่วยจัดงาน แต่ในอนาคตมันอาจจะมีตัวช่วยในทุกๆ ขั้นตอนความสัมพันธ์ก็เป็นได้

 

เหมือนมีเอเจนซีมาช่วยบอกเลิกให้แทน ทำทุกอย่างให้เสร็จสรรพ เก็บของออกมาจากคอนโดฯ ให้

ใช่ ไม่เลวๆ เราไปรับจ้างขนของเวลาคนเลิกกัน เข้าไปจัดการให้ ไม่ต้องเผชิญความรู้สึกกระอักกระอ่วน ก็เป็นไปได้ ตอนนี้คุณยังใช้พนักงานช่วยทำความสะอาด ใช้บริการสั่งอาหาร ส่งของผ่านแอปพลิเคชัน ทำไมจะมีคนไปช่วยเก็บของจากบ้านแฟน (เก่า) ไม่ได้

 

อะไรคือคำแนะนำท่ีดีที่สุดในการบริหารความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนของคู่รักที่คบกันมานานๆ

เอาเข้าจริงๆ เราไม่รู้ว่าคุณภาพความสัมพันธ์ของแต่ละคนมันเป็นอย่างไร คุณดูตัวคุณเองก็ได้ คุณกับคู่รักที่ผ่านมาในชีวิตบางคน คบกันมานาน แต่อาจจะไม่ได้รู้สึกโอเคมากขนาดนั้นก็ได้  

 

ดิฉันว่าคนที่คบกันเป็นแฟนมาสักพักหนึ่ง มันต้องมีเวลาตรวจสอบดีๆ ว่านี่ยังเป็นสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า เพราะมันไม่มีหลักประกันว่า ณ เวลาที่คุณเป็นแฟนกัน อีก 10 ปีข้างหน้าคุณทั้งสองคนจะยังเหมือนเดิม ต่างคนต่างต้องเปลี่ยน ไปเจออะไรใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ หน้าที่การงานเปลี่ยนไป คุณก็จะเปลี่ยนแปลงไปอยู่แล้ว ฉะนั้นมันต้องมีจุดที่คุณต้องตรวจสอบเป็นระยะว่าฉันยังโอเคอยู่ไหมในความสัมพันธ์นี้

 

แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็อยากจะรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ คุณก็ต้องทำอะไรเป็นระยะเช่นเดียวกัน ต้องปรับเข้าหากันเป็นระยะ เป็นแฟนกันนานๆ ไม่ได้แปลว่าดี มันอาจจะมีปัญหาที่มนุษย์บางคนไม่ยอมเผชิญหน้ากับปัญหาของตัวเองอยู่อย่างนี้ก็ได้

 

 

รักแบบไหนถึงดี รักแบบไหนถึงไม่ดี

ตอบง่ายมาก เอาตัวคุณเองเป็นที่ตั้ง ถ้าคุณสบายใจ รู้สึก​โอเค มันก็ดีหมด ความรักไม่ว่าแบบไหน เช่น คนบางคนมีความสัมพันธ์ซ้อน สังคมบอกว่าการมีความสัมพันธ์ซ้อนไม่ดี ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดต้องเป็นความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง รักเดียวใจเดียว แต่ถ้าคุณมีความสัมพันธ์ซ้อน คุณไม่ต้องฟังคนอื่นบอกว่าดีหรือไม่ดี แค่ถามตัวเองว่าโอเคไหม ถ้าคุณรู้สึกว่ารับได้ ไม่ได้ทุกข์ร้อน ความสัมพันธ์มันก็ดีหมด เพียงแต่เรามักจะเอาสิ่งที่คนอื่นตัดสินมาเป็นเกณฑ์วัดมาตรฐานหรือคุณภาพความสำคัญของตัวเองมากกว่า 

 

ความรักมันยังไงก็ได้ มันได้หมดทั้งนั้น ถ้าคุณโอเค

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories