ทันทีที่ดีโอโก โชตา ตามซ้ำลูกยิงของดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของลิเวอร์พูลเหนือน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ผู้มาเยือน กองหน้าชาวโปรตุเกสไม่ได้แสดงอาการดีใจอะไร แต่รีบเดินออกมายังข้างสนาม
โชตาเดินมาเพื่อรับเสื้อจากอาเดรียน ผู้รักษาประตูสำรอง ก่อนจะชูเสื้อขึ้นมา ซึ่งเป็นเสื้อแข่งหมายเลข 7 ที่พิมพ์ชื่อด้านหลังว่า ‘LUIS DIAZ’
นี่เป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของทีมลิเวอร์พูล ที่ต้องการบอกให้ หลุยส์ ดิอาซ ปีกจอมเลื้อยที่เจอข่าวร้ายว่าพ่อและแม่ได้ถูกลักพาตัวไปก่อนเกมที่แอนฟิลด์จะเริ่มต้นขึ้น ได้รู้ว่าเขาไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย ทุกคนในทีมอยู่เคียงข้างเสมอ
และทุกคนจะร่วมภาวนาให้ หลุยส์ มานูเอล พ่อผู้เป็น ‘ฮีโร่’ ในชีวิตจริงของเขาที่ยังหาตัวไม่พบในเวลานี้ ได้กลับมาสู่อ้อมกอดของลูกชายอีกครั้ง
ในเกมที่แอนฟิลด์ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะเด็ดขาดของลิเวอร์พูลเหนือฟอเรสต์ถึง 3-0 แต่บรรยากาศภายในทีมไม่ได้ดีสักเท่าไรนัก
นักเตะของเจอร์เกน คล็อปป์ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเป็นการภายใน เพียงแต่จิตใจของพวกเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากนัก เมื่อทุกคนได้รู้ว่าหนึ่งในเพื่อนของพวกเขาอย่างหลุยส์ ดิอาซ กำลังเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต
พ่อและแม่ของเขาถูกลักพาตัวไปที่บ้านเกิด
ดิอาซได้รับแจ้งข่าวร้ายเรื่องนี้ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 ตุลาคม) ในระหว่างที่พักอยู่ที่โรงแรม Titanic Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่นักเตะลิเวอร์พูลทั้งทีมจะมาเตรียมตัวใช้เวลาร่วมกันก่อนจะลงสนามยามที่เล่นในบ้านที่แอนฟิลด์
ข่าวแจ้งว่าพ่อและแม่ของเขาถูกลักพาตัวไปทั้งสองคน
โดยแม่ของเขา ซิเลนิส มารูลันดา ถูกโจรที่มาพร้อมกับอาวุธปืนลักพาตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป แต่ได้ข่าวดีว่าได้รับการช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย แต่ในรายของพ่อที่ถูกลักพาตัวไปในเมืองบาร์รันกาสในแคว้นลากัวฮิราทางตอนเหนือของโคลอมเบียนั้นยังหาตัวไม่พบ
ดิอาซได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้านายอย่างคล็อปป์ ซึ่งเห็นร่วมกันว่าสตาร์วัย 26 ปีจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที เพื่อไปอยู่ดูแล เกรา ปอนเซ แฟนสาว และลูกสาวที่ยังเล็ก รวมถึงครอบครัวทุกคนที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน
คล็อปป์ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ในเกมกับฟอเรสต์ ซึ่งไม่มีชื่อของดิอาซว่า “นี่เป็นการเตรียมความพร้อมที่ยากที่สุดในชีวิตของผม” ซึ่งผู้จัดการทีมชาวเยอรมันยอมรับว่าทำงานมากว่า 22 ปี คุมทีมลงเล่นมากกว่า 1,000 นัด ก็ไม่เคยเจออะไรแบบนี้
“เราทุกคนภาวนาขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี สิ่งเดียวที่เราจะทำได้คือการสู้เพื่อเขา และนั่นเป็นสิ่งที่เราทำ”
ทั้งนี้ คล็อปป์เปิดเผยว่า ลิเวอร์พูลได้ส่งทีมงานตามดิอาซกลับไปที่โคลอมเบียเพื่อให้การดูแลและช่วยเหลือด้วย โดยที่ทุกคนยังรอที่จะได้ยินข่าวดีว่าพ่อของเขาได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย
เดิมปีกซ้ายรายนี้เตรียมจะออกสตาร์ทเป็นตัวจริงหลังจากที่ได้พักในเกมยูโรปาลีก นัดที่ลิเวอร์พูลถล่มตูลูส 5-1 แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นจึงเป็นโชตาที่ต้องลงสนามตัวจริงแทน และกองหน้าดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสก็ทำหน้าที่แทนได้อย่างดีด้วยการทำประตูขึ้นนำให้ทีม
ก่อนจะชูเสื้อของดิอาซ เป็นการบอกกับเขาว่าเราอยู่และสู้เพื่อกันและกันเสมอ
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ผมไม่รู้เลยว่าถ้าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับเราเอง เราจะทำอย่างไร” โชตากล่าว “เขาควรจะได้ลงเล่น แต่ผมต้องลงแทนเขา และผมชูเสื้อของเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราอยู่เคียงข้างเขาและหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี
“การจินตนาการว่าหากเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นเป็นเรื่องที่ทำแทบไม่ได้ เราทำได้ตอนนี้คือส่งกำลังใจให้เขาและบอกเขาว่าเราอยู่เคียงข้างเสมอ”
โชตาและดิอาซอาศัยอยู่ใกล้กันในบ้านพักย่านครอสบีในเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งย่านนี้เป็นย่านเดียวกับที่ อาเดรียน และดาร์วิน นูนเญซ อาศัยอยู่ด้วย และข่าวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางจิตใจต่อทุกคนในทีมลิเวอร์พูลมาก จนทำให้ทุกคนต้องการที่จะแสดงออกให้เห็นด้วยผลงานในสนาม
“สู้เพื่อลูโช” (ชื่อเล่นของดิอาซ)
สำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือ หลุยส์ มานูเอล ที่ยังไม่พบตัวนั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจโคลอมเบียได้ประกาศให้เงินรางวัลสำหรับคนที่ให้เบาะแสสูงถึง 200 ล้านเปเซตา หรือราว 1.7 ล้านบาท โดยที่ วิลเลียม ซาลามังกา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติโคลอมเบียได้ต่อสายตรงถึงดิอาซว่ากำลังลงมาช่วยดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
นั่นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นแค่เรื่องของดิอาซ แต่เป็นเรื่องของชาวโคลอมเบียทุกคน เพราะเป็นเหตุสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง
เพียงแต่จุดที่ทางการกังวลคือ พ่อของดิอาซจะถูกนำตัวข้ามพรมแดนข้ามไปยังเวเนซุเอลาหรือไม่ ซึ่งจะทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น
สำหรับ หลุยส์ มานูเอล เขาไม่ได้เป็นแค่พ่อของนักเตะที่เป็นฮีโร่ของชาวโคลอมเบีย แต่เขายังเป็นฮีโร่ของดิอาซอีกทีด้วย
มานูเอลเป็นชาวเผ่าวายู (Wayuu) จากหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับลากูนิตา เด ลา เซียร์รา ซึ่งอพยพมาอยู่เมืองบาร์รันกาสที่มีจำนวนประชากรเพียง 40,000 คน โดยที่นำมรดกของชาววายูตามมาด้วย นั่นคือฝีมือในการทำอาหารที่ขายให้แก่ชาวเมืองบาร์รันกาสที่ส่วนใหญ่เป็นคนงานในเหมือง
เมนูเด็ดคือฟริช ที่คล้ายกับสตูแกะ
แต่นอกจากการขายอาหารแล้ว มานูเอลยังทำอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างโรงเรียนฟุตบอลเล็กๆ ขึ้น ซึ่งลูกๆ ทุกคนรวมถึงดิอาซได้เล่นฟุตบอลกันร่วมกับลูกๆ ของคนงานในเหมือง
สำหรับดิอาซ วิชาการเล่นฟุตบอลของเขาก็ได้มาจากพ่อนั่นเอง โดยที่มานูเอลจะพยายามไปหาความรู้เท่าที่จะพอหาได้เพื่อเอามาใช้สอนลูกชายตัวดีของเขา
หนึ่งในวิธีการก็คือการไปร้านในตลาดเพื่อหาดีวีดีสอนฟุตบอลของโรนัลดินโญ ซึ่งเป็นฮีโร่ในดวงใจของดิอาซ ที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมปีกชาวโคลอมเบียจึงมีลีลาการเล่นที่เร้าใจและเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนขนาดนี้
มานูเอลยังเลี้ยงดูดิอาซเป็นอย่างดีเท่าที่จะทำได้ จนกระทั่งลูกชายที่เป็นความภูมิใจปีกเริ่มกล้าขาเริ่มแข็ง และสามารถก้าวไปต่อด้วยตัวเองได้อย่างสง่างามในทีมแอตเลติโก จูเนียร์ ก่อนจะไปปอร์โต และมาสู่ลิเวอร์พูลในเวลาต่อมา
ในเกมแรกที่ดิอาซได้ประเดิมสนามให้กับลิเวอร์พูล นัดที่พบกับคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในศึกเอฟเอคัพ มานูเอลไม่สามารถเดินทางไปร่วมชมเกมที่สนามได้ ทำได้เพียงแค่ชมเกมดังกล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรศัพท์มือถือ
ถึงวันนั้นสัญญาณจะไม่ชัดนัก แต่ก็ยังพอมองเห็นความมหัศจรรย์ในการเล่นของเจ้าลูกชาย ซึ่งเป็นคนเปิดบอลให้ ทาคุมิ มินามิโนะ ทำประตูได้ในวันนั้น และได้รับการสวมกอดฉลองประตูจากเพื่อนร่วมทีม
เห็นภาพนั้นน้ำตาของพ่อก็ไหลออกมา
“ดิอาซกับพ่อสนิทกันมาก” คาร์ลอส อาเลมาน พิธีกรจากสถานีโทรทัศน์ Win Sports ในโคลอมเบียเผย “ทั้งสองคนยังคุยกันทุกวัน”
เพียงแต่แม้ลูกจะเป็นนักฟุตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ มานูเอลและครอบครัวของดิอาซยังคงเลือกจะใช้ชีวิตเหมือนเดิมอยู่กับญาติๆ ในงบาร์รันกาส สิ่งที่แตกต่างไปก็คือการก่อตั้งมูลนิธิ หลุยส์ ดิอาซ (Luis Diaz Esperanza Foundation) ที่ให้การสนับสนุนโรงเรียนกีฬา 15 แห่ง และให้การช่วยเหลือลงทุนด้านต่างๆ แก่ชุมชนในท้องถิ่น ซึ่งยังเป็นพื้นที่ที่ยากจนที่สุดและมีความรุนแรงสูงสุดในโคลอมเบีย
ณ เข็มนาฬิกาเดินไป ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับพ่อของดิอาซ
แต่ทุกคนเป็นห่วงและพร้อมส่งกำลังใจให้ครอบครัวของปีกผู้มีมนตร์ที่ปลายเท้า
บทเพลงของดิอาซที่ดังขึ้นในแอนฟิลด์ เสื้อที่โชตาชูขึ้นมา และการสรุปข้อความที่สั้นและชัดเจนที่สุดจากโดมินิก โซโบสไล อีกหนึ่งเพื่อนร่วมทีมที่สนิทกับพ่อในแบบเดียวกันกับดิอาซบอกไว้
“จะไม่มีใครที่ต้องเดินเดียวดาย”
ขอให้มีข่าวดีในเร็ววัน
อ้างอิง:
