จากวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งในเมืองไทย ส่งผลให้อดีตสถาปนิกหนุ่มต้องริเริ่มทำธุรกิจที่บ้าน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ HARNN ผลิตภัณฑ์สมุนไพรธรรมชาติรายแรกๆ ของเมืองไทย จากความคิดและการลงมือทำของ วุฒิชัย หาญพานิช ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง กว่าสิบปีที่ผ่านมา เขาแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ออกมาอีกหลายแบรนด์ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เครื่องหอม Vuudh ผลิตภัณฑ์ชา Tichaa ฯลฯ และผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเกิดจากการรับฟังความต้องการของลูกค้า
“คุณต้องช่างสังเกต ทุกโอกาสมันอยู่ที่คุณมองเห็นมันหรือเปล่า”
Find the Difference
ผมจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปริญญาตรีและโทที่สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาเป็นสถาปนิกที่เมืองไทย และมีโอกาสได้ไปทำงานที่ฮ่องกง มีช่วงหนึ่งคุณแม่เสียคุณพ่อเลยอยากให้กลับมาเมืองไทย ซึ่งช่วงนั้นเป็นยุคฟองสบู่แตก ไม่น่ามีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อะไร ก็เลยมองหาช่องทางการทำธุรกิจ ได้ไปเจอกับหนังสือทำสบู่ธรรมชาติ เรามองว่าทำเองที่บ้านได้ แต่พอดูสูตรของยุโรป ก็เห็นว่าเขาใช้น้ำมันมะกอกกันเยอะ ต้นทุนก็สูง เลยดูว่าเมืองไทยมีน้ำมันอะไรบ้าง ลองทำสบู่จากน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันปาล์มก็สำเร็จ แต่เรารู้สึกว่ามีคนใช้เยอะแล้วเลยมองหาน้ำมันอื่น จนเจอน้ำมันรำข้าว ก็ใช้ความรู้ด้านการออกแบบมาออกแบบรูปทรงของสบู่และแพ็กเกจ แล้วนำไปวางขายที่งาน Big Gift เป็นครั้งแรก ปรากฏว่าขายดีมาก จนคิดว่าน่าจะทำเป็นธุรกิจได้
Learn from OUR Customer
ในช่วงแรกฐานลูกค้าของเรา 100% เป็น OEM หมดเลย เราจึงเริ่มคิดว่าจะทำแบรนด์เป็นของตัวเองแบบ 50/50 ถัดมาอีกปีก็เริ่มคิดว่าจะขายเฉพาะแบรนด์เราเท่านั้น ซึ่งมันก็มีความเสี่ยงนะ แต่เราก็เลือกไปต่อ ปรากฏว่าพอเราบอกลูกค้าขายส่งแล้วได้ผลตอบรับที่ดี เริ่มสังเกตเห็นว่าลูกค้าบางเจ้าขายดีมาก แต่บางเจ้าก็ไม่กลับมาซื้อของเราอีกเลย เราจึงบินไปดูร้านค้าที่ต่างประเทศ แล้วพบว่าเป็นเรื่องของการจัดร้าน การตกแต่งร้าน จึงคิดโปรโมชันว่า ถ้าลูกค้าขายส่งของเรามียอดซื้อถึง 250,000 บาท เราก็จะให้ชั้นวางดิสเพลย์แบบสวยๆ ไปด้วย มันก็เวิร์กขึ้น
Turning Point
ตอนนั้นเปิดช็อปแรกที่พัทยาและสนามบินดอนเมือง ปรากฏว่ามีลูกค้าติดต่อมาจากฝรั่งเศสจะซื้อสินค้าเราไปวางขายในปารีส พอได้ไปขายที่ต่างประเทศแล้วเราก็มานั่งคิดว่า จริงๆ แล้ว Natural Product ของเรามันเก๋นะเมื่ออยู่เมืองไทย แต่พอไปอยู่ต่างประเทศเรากลายเป็นแบรนด์ที่เล็กมากเลย เพราะเมืองนอกเขาก็มีแบรนด์ Natural Product ดังๆ มากมาย ก็เริ่มคิดว่าแบรนด์ HARNN จะต้องมีตัวตน เริ่มคิดคอนเซปต์ให้กับแบรนด์ คือความเป็นเอเชีย จากสมุนไพรหรือศิลปะต่างๆ ที่ดึงมาใช้ แล้
ค่าขนส่งแพง แต่ยังมีความทันสมัย เราเปลี่ยนหน้าร้านหรือแพ็กเกจให้ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อเราต้องการเป็นแบรนด์ลักซูรีก็เริ่มคิดถึงการเปิดหน้าร้านเท่านั้น เมื่อเราเปิดหน้าร้านมันก็ประสบความสำเร็จอย่างที่เราคิด คือแบรนด์เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวจริงๆ
Experience is Important
ต่อมาพอเราเริ่มเข้าใจธุรกิจดีขึ้นว่าการเป็นแบรนด์หรูมันไม่ใช่แค่เรื่องของคุณภาพผลิตภัณฑ์ แต่เป็น Retail Experience ประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้ระหว่างที่เข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน เช่น เมื่อลูกค้าเข้ามา เราเสิร์ฟชาให้ มีกลิ่นหอมทั่วร้าน ทดลองสินค้าได้เต็มที่ มีพนักงานให้คำแนะนำ และบอกข้อมูลที่ถูกต้องได้ทั้งหมด ทุกวันนี้มีการอบรมพนักงานบ่อยมาก เพื่อให้เขามีความรู้ นำไปตอบคำถามของลูกค้าได้ เราเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกเลยที่ Louis Vuitton แนะนำว่า ร้าน HARNN สาขา สิงคโปร์เป็น Must Visit Destination ซึ่งประสบการณ์ตรงนี้ทำให้แบรนด์ของเราต่างจากแบรนด์อื่น
All About Storytelling
ทุกอย่างที่เราทำ เราจะสร้างเรื่องราวให้มันมีที่มาที่ไปเสมอ อย่างแพตเทิร์น หรือการออกแบบแพ็กเกจใหม่ เราต้องใส่เรื่องราวให้มัน ซึ่งคิดคอนเซปต์ของแบรนด์เป็น 3 ด้าน คือ หนึ่ง Contemporary สอง Luxury และสาม Asian วันนี้เราบอกพนักงานด้านออกแบบทำงานได้ชัดเลยว่าจะต้องทำงานแบบไหนออกมา เพราะเรามีคอนเซปต์ที่ชัดเจน มันก็ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น
Opportunity is All Around
การเป็นสถาปนิกทำให้เราค่อนข้างมองปัญหาจากหลายมุม แล้วหาวิธีแก้ในแบบที่คนอื่นไม่ค่อยทำ ทุกอย่างมันโตตามสเตปของมันไป ตอนที่เราทำแบรนด์ HARNN ก็เริ่มจากสบู่ธรรมชาติ แล้วทำ Body Care และ Skin Care หลังจากนั้นลูกค้าอยากให้เราทำสปา เราก็เปิดสปา พอเปิดสปาก็คิดว่าเราต้องมีเครื่องหอม มีชาให้ลูกค้าดื่ม เราจึงทำแบรนด์ Vuudh และ Tichaa กลายเป็นว่าเราแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นแบรนด์ใหม่ๆ เต็มไปหมดเลย