จากคาเฟ่ดีไซน์เก๋เท่เคล้ากลิ่นอายแคลิฟอร์เนียตอนใต้ใกล้ชายแดนเม็กซิโก ที่ถูกคิดมาแล้วว่าทำคอนเทนต์มุมไหนก็สวยอย่าง FO SHO BRO สู่การขยายพื้นที่ด้านหลังเป็นบาร์คราฟต์เบียร์ ‘The Carnival Bar BKK’ หนึ่งในแพลนที่ถูกซุ่มทำมานานนับปี และยังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายมาเติมเต็มอาณาจักร The Carnival BKK อย่างสมบูรณ์แบบตามที่ เปี๊ยก-พิพัฒนพล พุ่มโพธิ์ ผู้ก่อตั้ง มันสมองเบื้องหลังดีไซน์ทั้งหมด ผู้รับเหมา อีกทั้งยังเป็น ‘นักทำเบียร์’ รุ่นบุกเบิกในตำนานคาดหวัง
FO SHO BRO
เชื่อเถอะว่าสายเบียร์ตัวจริง โดยเฉพาะคราฟต์เบียร์ จะต้องรู้จักผู้ชายคนนี้แน่นอน เปี๊ยกเป็นผู้บุกเบิกคราฟต์เบียร์คนแรกๆ ในไทย และยังเป็นผู้ก่อตั้งร้าน Let the Boy Die ซึ่งประสบความสำเร็จแบบพลุแตกจนกระทั่งเจอพิษโควิดเลยต้องปิดตัวไปอย่างน่าเศร้า ทว่านั่นอาจเป็นสิ่งที่เบื้องบนลิขิตมาแล้วก็ได้…
ย้อนไปในยุคโควิดช่วงแรกที่หลายธุรกิจล้มตาย มีเพียงธุรกิจออนไลน์ที่ยังอยู่รอด ด้วยความที่แฟนของเปี๊ยกทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์จำพวกแฟชั่น เลยทำให้ต้องหาคาเฟ่ถ่ายรูปอยู่เสมอ ซึ่งนั่นได้จุดประกายให้เปี๊ยกเกิดความสนใจในโมเดลธุรกิจคาเฟ่ ผนวกกับความชอบส่วนตัวที่เป็นคนชอบขายเครื่องดื่มอยู่แล้ว เลยค่อยๆ วาดภาพในหัวด้วยเลือดความเป็นสถาปนิกในตัว ทว่านาทีนี้ความเป็นผู้ปลุกจิตวิญญาณให้กับคราฟต์เบียร์ก็ยังอยู่ เปี๊ยกเลยตั้งใจจะเปิดบาร์คราฟต์เบียร์ด้วยเช่นกัน โดยยกให้นั่นเป็นเฟส 2 หลังจากที่คาเฟ่เสร็จสมบูรณ์
The Vibe
ในส่วนของดีไซน์ของโซนนี้เปี๊ยกตั้งใจให้บาร์คราฟต์เบียร์แห่งนี้มีกลิ่นอายของความเป็นบ้านยุโรปเหนือ และถึงแม้จะเป็นบาร์แต่เขาก็ตั้งใจให้คนที่รักในการกินดื่มสามารถแวะมานั่งชิลได้ตั้งแต่หัววัน เพราะหากมาที่นี่ในช่วงฟ้าสว่างคุณก็จะได้บรรยากาศที่โคซี่ไปอีกแบบ จะแวะมาจิบอะไรเย็นๆ แล้วออกไปทำธุระต่อก็ยังได้ หรือหากจะนั่งยาวล่วงเลยมาช่วงเย็นจนพลบค่ำก็จะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ครึกครื้นด้วยไวบ์แห่งการสังสรรค์มากขึ้น
ก่อนจะเดินเข้าร้านเราเชื่อว่าคุณจะต้องสะดุดตากับโต๊ะอาหารยาวตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง ซึ่งเจ้าตัวเผยกับเราว่าเขาได้แรงบันดาลใจมาจากฉากรวมตัวสังสรรค์ระหว่างเหล่ากองโจรในซีรีส์ปล้นประวัติศาสตร์ชื่อดังจากสเปนอย่าง Money Heist ยิ่งถ้าได้จุดเทียนบนโต๊ะด้วยแล้วยิ่งใช่
สำหรับเพลงในร้าน ท่ีนี่จะเป็นการเปิดเพลงจากแผ่นไวนิลล้วน โดยช่วงเย็นก็จะเป็นเพลงแจ๊สสบายๆ เคล้าไปกับเพลงยุคเก่า-ใหม่ อาทิ Elvis, Lany ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มบีตความคึกคักด้วยเพลงป๊อปและฮิปฮอปในช่วงฟ้ามืด
The Taste
ก่อนไปจิบเบียร์ต้องขอรองท้องกันก่อนกับ Scallop Pesto Penne (320 บาท) ใครที่ไม่ชอบเพสโต้แรงๆ น่าจะถูกใจจานนี้ด้วยความครีมมี่ละมุนของตัวซอส กินกับหอยเชลล์สดๆ ชิ้นโตเต็มปากเต็มคำแล้วฟิน
Mushroom Risotto (290 บาท) เป็นรีซอตโตที่ชัดแน่นเต็มรสเห็ดและชีส ตัวข้าวทำมาได้สุกกำลังดี ไม่แข็ง ไม่เละ
Homemade Sausage Salad (220 บาท) สลัดผักสดกับไส้กรอกโฮมเมด ด้วยความที่เปี๊ยกไม่ชอบอาหารแปรรูป ร้านนี้เลยทำไส้กรอกเอง โดยจะมีการหมักเครื่องเทศสไตล์อินเดียเข้าไปด้วย
อาหารตกถึงกระเพาะแล้วก็ขอแวะไปดูบาร์หน่อยว่าวันนี้มีเบียร์อะไรพร้อมเสิร์ฟบ้าง
ที่นี่ปกติจะมีเสิร์ฟ 12 ตัว แต่ด้วยความฮอตขายดีเลยทำให้วันที่เราไปเหลืออยู่ 4 ตัว โดยทางเปี๊ยกเล่าให้เราฟังว่า 12 ตัวที่ทางร้านมีนั้นล้วนเป็นตัวที่คัดมาแล้วว่าครอบคลุมทุกเทสต์ โดยจะมี 6 ตัวที่เป็น House Beer 3 ตัวเป็นเบียร์ที่สนับสนุนน้องๆ มือใหม่ที่เข้าสู่วงการทำคราฟต์เบียร์ และอีก 3 ตัวจะเป็นเบียร์นอกระดับพรีเมียม หากใครที่ไม่แน่ใจว่าจะชอบรสแบบไหนก็สามารถขอทางร้านเทสต์ที่หน้าบาร์ก่อนได้เช่นกัน
สำหรับใครที่ไม่ใช่สายคราฟต์เบียร์ ที่นี่ก็มีไวน์และค็อกเทลด้วยเช่นกัน แต่จะไม่เน้นแบรนด์ในตลาดที่คุ้นเคย เรียกว่าค่อนข้างครบจบเช่นกันในแง่ดริงก์
เมื่อได้เบียร์ที่ใช่แล้วก็ลุยกินกันต่อ แล้วอะไรจะคอมฟอร์ตไปกว่าเมนูยืนพื้นที่ต้องสั่ง Pizza Parma Ham (360 บาท) ตัวแป้งมีความบางกรอบสไตล์อิตาเลียน ท็อปด้วยชีสฉ่ำๆ ซึ่งชีสที่เห็นคือชีสมอสซาเรลลาที่ทางร้านทำเอง เข้ากันได้ดีกับความเค็มของพาร์มาแฮม
Australian Tenderloin Beef Carpaccio (320 บาท) เนื้อดิบเสิร์ฟกับผักสดน้ำสลัดบัลซามิกเพิ่มความสดชื่นด้วยยูซุ ถือเป็นจานยอดนิยมที่รสชาติไม่น่ากลัวเหมือนหน้าตา
ขาหมูกับเบียร์เป็นคอมบิเนชันที่ถูกต้อง! German Pork Knuckle (450 บาท) เป็นขาหมูทอดที่ทอดได้กรอบมาก ไม่ฉ่ำอมน้ำมัน เสิร์ฟมาพร้อมซอสเด็ดรสเผ็ดที่กินด้วยกันแล้วเข้ากันสุดๆ
อีกจานที่แนะนำว่าต้องสั่งคือ Duck Confit (350 บาท) เป็ดทอดกรอบหอมเตะจมูก เสิร์ฟพร้อมมันบดเนื้อละมุนหอมเนย อร่อยเพลินปาก
Good for
แน่นอนว่าสายคราฟต์เบียร์จะต้องหลงรักที่นี่ด้วยลิสต์เบียร์ อาหาร และบรรยากาศ แต่สำหรับใครที่อยากจะหาที่นั่งชิลตั้งแต่ฟ้าสว่าง หรือมองหาที่ฉลองวาระพิเศษ อาณาจักร The Carvinal BKK ถือว่าตอบโจทย์ นอกจากนี้ในอนาคตทางร้านยังมีแพลนทำห้องชีสแพริงกับไอศกรีม สร้างประสบการณ์ความอร่อยคู่ใหม่ และยังมีแพลนเปิดแกลเลอรีด้านหน้าให้สายอาร์ตแวะมาเสพศิลป์อีกด้วย เชื่อว่าเราจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ กันอีกเรื่อยๆ แน่นอน
หากใครนำรถมาสามารถนำไปจอดบริเวณลานจอดรถเดียวกับ FO SHO BRO ได้เลย และแนะนำให้จอดที่นี่เท่านั้น เพราะบริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงนั้นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
The Carnival Bar BKK
Open: เปิดทุกวัน เวลา 12.00-00.00 น.
Address: Soi Sophon, Bang Na, Bangkok 10260
Tel: 08 2005 7423
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 150 บาท, คราฟต์เบียร์เริ่มต้นที่ 190 บาท
Instagram: https://www.instagram.com/the_carnival_bar_bkk/
Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=61551497736498