“Future Food ถ้าเรากินตั้งแต่วันนี้ เปลี่ยนโลกตั้งแต่วันนี้ ฟื้นฟูโลกและสุขภาพเราไปในอนาคตที่ดีขึ้นได้…อาหารในอนาคตต้องอร่อย กินแล้วดีต่อสุขภาพมากขึ้น และตอบโจทย์ชุมชนและสังคมได้ด้วย” – ยี้-สันติ อาภากาศ Co-founder และ CEO TasteBud Lab
เคยนิยามกันไหมว่าอาหารแห่งอนาคตต้องหน้าตาแบบไหน มีแต่แมลง เป็นแคปซูล หรืออาหารแปลกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน หลังจากคร่ำหวอดในวงการ FoodTech มาหลายปี ‘TasteBud’ บอกว่านิยามอาหารในอนาคตในตอนนี้ไม่ใช่อาหารสุดล้ำเหมือนหนังไซไฟ แต่เป็นอาหารเชิงนวัตกรรมที่สร้างความยั่งยืนให้กับโลกและสิ่งแวดล้อมได้
Eco-Curious ตอนนี้ เราเลยพาคุณบุกไปที่ TasteBud Lab ร้านอาหารกึ่งคาเฟ่เล็กๆ ของ TasteBud ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปหรือผู้สนใจอาหารมาทำความรู้จักกับอาหารแห่งอนาคตว่าไม่ได้มีแค่แมลงหรืออาหารแคปซูลอย่างที่หลายคนคิดกัน
ดูรายการเต็มต่อได้ที่: www.instagram.com/p/DCk1uWtKHzY
What is the TasteBud Lab?
TasteBud Lab เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ภายใต้การดูแลของ TasteBud แพลตฟอร์มตัวกลางด้านอาหารที่เปรียบเสมือนเพื่อนหรือบัดดี้ของผู้ที่สนใจอาหารแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเจ้าของงานวิจัย นักลงทุน หาที่ปรึกษา หรือพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกัน โดยที่นี่ถือเป็นโชว์รูมที่นำวัตถุดิบและงานวิจัยเหล่านั้นมาต่อยอดให้ผู้บริโภคหรือผู้สนใจด้าน FoodTech หรือนวัตกรรมอาหารเข้ามาลอง ลิ้มรส สัมผัส หรือร่วมกันออกแบบและแสดงความคิดเห็นกันได้
“Kitchen Lab ตรงนี้เหมือนจุดศูนย์รวม FoodTech จากทั่วโลก ซึ่งอาจจะเอางานวิจัย นำส่วนผสมที่เขาไปวิจัยค้นคว้ามาพัฒนาและต่อยอดร่วมกับเรา ซึ่งในประเทศไทยก็มีหลายโปรเจกต์มาร่วมกับเรา เช่น พวกโปรตีนจากแมลง น้ำนมไข่ผำ หรือโปรเจกต์ทางการเกษตรที่ใช้ใยไหมข้าวโพดมาทำเป็นอาหารตอบโจทย์ผู้สูงอายุ ฯลฯ” ยี้-สันติ อาภากาศ Co-founder และ CEO TasteBud Lab กล่าว
How sustainable is it?
ถ้าเอ่ยในแง่ของความยั่งยืน สิ่งที่ TasteBud Lab ทำไม่ใช่การช่วยโลกหรือรักษ์โลกที่พยายามรีไซเคิลขยะให้กลายเป็นโปรดักต์ต่างๆ แต่พวกเขาใส่ใจโลกด้วยนวัตกรรมทางอาหาร ให้ความรู้และความเข้าใจแก่ผู้สนใจ ช่วยต่อยอด SMEs หรือกลุ่มผู้สนใจพัฒนาโปรดักต์ทางอาหารที่ดีต่อโลก ดีต่อใจ และดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน เพราะตอนนี้นิยามของ Future Food ไม่ใช่แค่อาหารหน้าตาล้ำๆ ที่เราเข้าใจกันอีกแล้ว แต่มีการแบ่งกลุ่มอาหารออกเป็น 4 หมวด ได้แก่ อาหารฟังก์ชันที่เติมส่วนผสมเพื่อการรักษาหรือฟื้นฟู, อาหารใหม่ที่ได้จากพืชหรือสัตว์ที่ไม่ได้ใช้เทคนิคการผลิตแบบดั้งเดิมมาเพาะเลี้ยง, อาหารทางการแพทย์ที่ใช้ทดแทนยาหรืออาหารเสริม ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และสุดท้ายอาหารอินทรีย์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรซึ่งผลิตหรือแปรรูปโดยไม่ใช้สารเคมีและไม่ตัดแต่งพันธุกรรม
นอกจากเปิดหน้าร้านให้คนเข้ามาลองกินได้จริงๆ TasteBud ผู้ดูแล TasteBud Lab ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อบุคคลด้านอาหารอนาคต ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน นักวิจัย หรือชุมชน ซึ่งพวกเขาทำหน้าที่ทุกอย่าง เพื่อผลักดันด้าน Future Food ให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต
สำหรับใครที่สนใจ อยากสั่งซื้อหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TasteBud Lab สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.tastebudlab.com หรือ www.facebook.com/TasteBudLab