อร่อยจัดจ้านกับอาหารใต้มิชลิน 2 ดาว โดยเชฟชุมพล แจ้งไพร พร้อมเอนกายพักใจที่ Santiburi Koh Samui

ทิ้งทวนทริปสุดท้ายแห่งปีกับการขอเดินทางในประเทศ เน้นใกล้ แต่สงบพอที่จะได้พักกายพักใจ ชาร์จพลังแบบไวๆ และที่สำคัญคืออาหารต้องอร่อย เราเลยไม่ลังเลที่จะบินไปร่วมงาน ‘From Michelin Stars to Samui Skies’ ในช่วงวันที่ 9-11 ธันวาคมที่ผ่านมา กับประสบการณ์อาหารใต้ระดับมิชลิน 2 ดาวครั้งแรกโดย เชฟชุมพล แจ้งไพร แห่ง R-Haan (อาหาร) ร้านอาหารไทยอันโด่งดังจากกรุงเทพฯ เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ดาวมาอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 โดยความพิเศษคือ งานนี้เชฟได้บินลงใต้สู่สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) รีสอร์ตสุดหรูริมหาดอันเงียบสงบ เพื่อฉลองให้กับการเดินทางมาถึงปีที่ 31 พอดิบพอดี

Why Here?

ห้องที่เราเข้าพักในครั้งนี้คือ Grand Reserve Pool Villa ห้องขนาด 250 ตารางเมตร ที่แค่ผลักประตูเข้าไปก็จะเจอกับสระน้ำพร้อมเสียงของน้ำที่ไหลเป็นสาย เพียงแค่เริ่มก็สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายแล้ว

เปิดประตูเข้าตัววิลล่าก็จะเจอกับโซนห้องนั่งเล่นพร้อมเซ็ตเมี่ยงคำเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะ ก็ต้องจัดสักคำสองคำให้พอเพลินปาก

เดินเลี้ยวเข้าไปก็จะเจอกับ Walk-in Closet ที่เชื่อมกับห้องน้ำที่กว้างเหลือเฟือ และยังมีการแบ่งโซนการใช้งานสำหรับสองคนเสร็จสรรพ

เดินเชื่อมจากห้องน้ำมาก็จะเจอกับห้องนอนพร้อมตุ๊กตาน้องหมีทัดดอกลั่นทมนอนต้อนรับอยู่ใจกลางเตียงขนาด King Size

และจากห้องนอนนี้ก็ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังสระน้ำใจกลางวิลล่าและประตูทางออกวิลล่าได้อีกด้วย

สำหรับใครที่เป็นสายแบกงานมาทำก็หายห่วง ที่นี่มีโต๊ะทำงานยาวให้วางกองงานได้เหลือเฟือ

หลังจากที่นอนพักจนหายเหนื่อยแล้ว ก็ถึงเวลาเติมปากท้องกันด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษโดยเชฟชุมพล โดยเรามุ่งหน้าไปยัง ศาลาไทย ณ สันติบุรี (Sala Thai at Santiburi) ห้องอาหารไทยต้นตำรับที่มีชื่อเสียงระดับตำนานและอยู่ยงมากว่า 3 ทศวรรษ

พลิกดูเมนูที่เราจะได้ลิ้มลองบวกกับเสียงการันตีตามหลังของเชฟที่แวะมาทักทายด้วยตัวเองแล้วก็มีตะลึงกันเล็กน้อย “วันนี้เราจะเสิร์ฟทั้งหมด 12 คอร์สนะครับ” ใช่แล้ว งานนี้เราจะได้สัมผัสประสบการณ์อาหารไทยปักษ์ใต้ 12 คอร์สในคอนเซปต์ ‘The Legend of Thai Cuisine in Samui’ ที่เน้นการรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่น

ประเดิมจานแรกกันด้วย Amuse Bouche ที่เสิร์ฟเป็นทองม้วนชาววังครีมมะพร้าวกะทิสดพร้อมคาเวียร์โครงการหลวง ในส่วนของใครที่ไม่กินมะพร้าวหรือกะทิ ทางเชฟก็จะเปลี่ยนเป็นไส้ฟักทองแทน ถือเป็นคำแรกที่ปลุกเรียกน้ำย่อยในกระเพาะได้เป็นอย่างดี

ต่อด้วย Welcome to Samui เสิร์ฟบนกระดานที่นำเสนอเกาะสมุยได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งถือเสน่ห์การเสิร์ฟสไตล์เชฟชุมพลจริงๆ บนกระดานนี้ประกอบไปด้วยขนมครกหอยเจาะเกาะสมุย, แกงปูคร็อกเก็ตเจ็ดจังหวัดใต้, ไก่เบตงย่างกอและ, ผัดหมี่ไชยา และกระทงทองเมี่ยงคำสมุนไพรปักษ์ใต้ปลาฉิ้งฉ้าง

สำหรับลำดับการกินนั้นไม่มีผิดถูก ไม่ตายตัว อยากเริ่มที่คำไหนก็ได้ แค่คุณอาจจะเซอร์ไพรส์กับความจัดจ้านของบางคำ ใครที่ชอบความ Flavorful คือยิ้มได้เลย

ไปเลเวลอัพกับความจัดจ้านต่อที่ยำผักกูดเมืองใต้ปูม้าที่ไม่เสียชาติเกิดความเป็นยำจริงๆ ซึ่งตั้งแต่จานนี้เป็นต้นไปก็จะมีการแพริ่งกับไวน์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี อย่างแก้วแรกที่เสิร์ฟจะเป็น Pinot Grigio จากอิตาลี

รองท้องกันมาหลายจานแล้วก็ค่อยๆ เติมสเปซในกระเพาะกันต่อกับหอยนางรมสุราษฎร์ธานี ที่เปรียบเสมือนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยตามที่เชฟว่า หอยชิ้นโตๆ ราดด้วยคาเวียร์โครงการหลวงและน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บปาก

ล็อบสเตอร์เนื้อสดฉ่ำจากอ่าวไทยปรุงในซุปต้มยำบีสก์รสเข้มข้น แพริ่งกับ Chardonnay จากอาร์เจนตินา ต้องขอยกนิ้วสิบนิ้วให้กับจานนี้จริงๆ โดยเฉพาะกับตัวซุปที่เผ็ดนำ แต่อร่อยหอมกลมกล่อมลงตัวไร้ที่ติ

ตัดรสกับไก่บ้านต้มขมิ้นตะลิงปลิงในซุปใสรสเปรี้ยวนำที่ให้ความตื่นตัวเป็นอย่างดี

เพิ่มความนัวมันปากกับหมึกหอมเมืองร้อยเกาะไข่เค็มไชยาเอสพูม่า ของดีจากสุราษฎร์ธานีที่ต้องลองให้ได้จริงๆ

มาถึงไฮไลต์เมนูของเชฟ (ที่ยังไม่เข้าสู่ Main) อย่างไข่พะโล้หมูฮ้องแห่งความทรงจำ เชฟเล่าย้อนให้ฟังว่า เป็นอาหารที่คุณแม่ของเชฟได้เข้าครัวทำให้กินตั้งแต่ 7 ขวบ และยังเป็นสูตรแรกที่เชฟชุมพลปรุงและพัฒนาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนสมบูรณ์แบบ

ซึ่งถ้าใครที่เป็นแฟนเชฟตัวจริงแล้วได้เห็นจานนี้เพียงแวบเดียวก็ต้องจำได้แน่นอนว่าเป็นผลงานของเชฟ ด้วยสไตล์การปรุงและการตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์

ไข่แดงจะถูกวางอยู่บนหมูคุโรบูตะ และที่เห็นเป็นก้อนสีม่วงนุ่มๆ คือสปอนจ์เค้กไรซ์เบอร์รีตกแต่งด้วยซอสฟักทอง เป็นจานสีสันน่ารักที่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก

ในส่วนวิธีกินที่เชฟแนะนำคือ ตัดแบ่งไข่แดงเป็นสี่ส่วนแล้วค่อยๆ กินกับเอเลเมนต์บนจาน ซึ่งจานนี้เสิร์ฟคู่มากับ Merlot Reserve จากชิลี

ระหว่างที่กำลังเอร็ดอร่อยกับแต่ละจาน ก็จะมีการแสดงรำแบบปักษ์ใต้มาให้เชยชมเป็นระยะ ถือเป็นการแสดงที่ค่อนข้างหาดูได้ยากเลยทีเดียวในยุคนี้

หลังจากสเปซในกระเพาะใกล้จะเต็มแล้ว เราก็จะสับขาหลอกกับการล้างปากด้วยซอร์เบต์เสาวรสน้ำผึ้งหลวง ก่อนจะเข้าสู่ Main จานแรก

ปลาเก๋าซูวีซอสตะไคร้แชมเปญกินคู่กับกราแตงโดฟีนัว ซึ่งเชื่อว่าใครที่เป็นสายปลาจะต้องชอบความสดและความหอมของปลาเก๋าจานนี้แน่นอน

ในเมื่อมี Main จานแรกแล้วก็ต้องมีจานที่ 2 เพิ่มความหนักท้องไปอีกขั้นกับเนื้อแองกัสนครศรีธรรมราชย่างถ่านเสิร์ฟในซอสแกงป่ารสจัดจ้าน ด้วยความที่เป็นเนื้อท้องถิ่น เท็กซ์เจอร์เลยจะมีความเหนียวหน่อยๆ กินคู่กับข้าวหอมมะลิพันธุ์ดีของไทยอบปลากุเลาตากใบอูมามิและซอสแกงแซ่บๆ จิบ Montepulciano d’Abruzzo จากอิตาลีแก้เผ็ดด้วยแล้วคือดี

จะอิ่มมื้อหลักแค่ไหนเราก็ยังเหลือพื้นที่ในกระเพาะให้ของหวานได้เสมอ ซึ่งแน่นอนว่ามาเยือนเกาะมะพร้าวแล้วเราก็ต้องไม่พลาดกับของดีที่นี่

เราปิดท้ายมื้อนี้กันด้วยความหอมหวานสดชื่นของขนมหวานที่ทำจากมะพร้าว GI ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมชาไทยและขนมตาลโตนดภิรมย์ เรียกว่าเป็นจานที่เสิร์ฟแล้วมีแต่เสียงอู้วว้าวในทุกคำที่กินจากแขกที่ร่วมโต๊ะ

Worth it

อร่อยอิ่มเอมกับอาหารปักษ์ใต้มื้อพิเศษโดยเชฟชุมพลในบรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ
แม้จะเปิดมา 31 ปี แต่ห้องพักไม่เก่าเลย ตัววิลล่ามีสระส่วนตัว เงียบสงบ กว้างขวาง นอนสบาย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
บรรยากาศภายในรีสอร์ตดีมาก มีต้นไม้ร่มรื่นเรียงราย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอด เหมาะกับการวิ่งยามเช้า หรือจะปั่นจักรยานก็ได้เช่นกัน
สายฟิตยิ้มได้ เพราะยิมที่นี่ถือว่าใหญ่ใช้ได้ มีทั้งเครื่องสำหรับคาร์ดิโอ แมชชีนโซนฟรีเวต และยังมีสนามเทนนิสอีกด้วย

Good for

ใครที่รักทะเลและรักกลิ่นอายความเป็นสมุย เราอยากแนะนำให้มาลองสัมผัสบรรยากาศที่นี่ แล้วจะเข้าใจว่าทำไมสันติบุรีถึงได้ครองใจเหล่านักท่องเที่ยวมาได้ถึง 31 ปี