ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสนใจใน Plant-based หรืออาหารจากพืชกันมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งการเลือกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินแบบนี้ สามารถเป็นแรงกระเพื่อมที่ส่งผลกระทบในแง่ดีต่อความยั่งยืนได้ด้วย เพราะการกินอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่ว และเมล็ดพืช มีข้อดีและประโยชน์ที่ช่วยรักษาความยั่งยืนได้โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว LIFE จึงอยากชวนผู้อ่านลองปรับอาหารบางมื้อเป็นอาหาร Plant-based ดูบ้าง และหากเริ่มชอบก็เพิ่มเติมเข้าไปในมื้ออาหารที่มากขึ้น นอกจากจะดีต่อร่างกาย ยังดีต่อโลกด้วย และประโยชน์ที่หลายคนคาดไม่ถึงเมื่อกินอาหาร Plant-based มีดังนี้
1. ลดคาร์บอนฟุตพรินต์
การเลี้ยงสัตว์มีส่วนสำคัญในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แหล่งปศุสัตว์ต่างๆ ก็ล้วนผลิตก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีผลทำให้โลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า นอกจากนี้การผลิตอาหารสัตว์ การขนส่ง และการแปรรูปยังก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษอีกด้วย การลดหรือเลิกใช้อาหารจากสัตว์ทำให้เราสามารถลดคาร์บอนฟุตพรินต์ และช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมาก
2. ช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
การเลี้ยงสัตว์มีผลกระทบทั้งแง่การใช้ที่ดินและการใช้น้ำ โดยการผลิตอาหารสัตว์ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล ในทางตรงกันข้าม อาหารจากพืชใช้ทรัพยากรน้อยกว่ามาก และมีความยั่งยืนมากกว่า
3. ช่วยเรื่องสุขภาพ
การกินอาหาร Plant-based พบว่ามีผลเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็ง
4. ช่วยรับมือกับความไม่มั่นคงทางอาหาร
มีการคาดว่าประชากรโลกจะสูงถึง 9.7 พันล้านคนภายในปี 2593 ซึ่งจะทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น อาหารจากพืชสามารถช่วยแก้ปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารได้โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาหารจากพืชใช้ทรัพยากรน้อยลง ทำให้เข้าถึงได้มากขึ้น และราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังสามารถแก้ปัญหาขยะอาหารทั่วโลกได้ เนื่องจากมักมีการแปรรูปน้อยลงและมีอายุการเก็บรักษานานขึ้น
ภาพ: Shutterstock
