×

Gaa ร้านอาหารอินเดีย 2 ดาวมิชลินที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต

06.01.2024
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • เมนคอร์ส ‘The Tandoori Story’ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ เชฟบอกว่าเพราะคนอินเดียกินมังสวิรัติเยอะ จึงเสิร์ฟทุเรียนคู่กับโรตี โดยนำเนื้อทุเรียนไปคลุกเครื่องปรุงและย่าง มาพร้อมน้ำแกงผสมกระเจี๊ยบและผักโขม เวลากินให้ตักทุเรียนราดน้ำแกงลงบนแผ่นโรตี

คนที่ชอบตามชิมอาหารดาวมิชลินต้องรู้จัก ‘Gaa (กา)’ ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งของเชฟการิมา อะโรรา (Garima Arora) เชฟหญิงชาวอินเดียคนแรกของโลกที่คว้ารางวัลมิชลินมาได้ แถมเชฟยังได้รางวัล Young Chef Award จากมิชลินไกด์ประเทศไทย ประจำปี 2022 อีกด้วย

 

วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่าประสบการณ์ในร้านอาหาร Gaa ที่หลายคนเฝ้ารอและอยากลองชิมสักครั้งจะเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์แค่ไหน และอาหารอินเดียในฉบับของเชฟการิมาจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร ทำไมเราจึงบอกว่านี่คือร้านไฟน์ไดนิ่งที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต

 

 

The Vibe

 

เริ่มแรก Gaa เคยเปิดอยู่ในซอยหลังสวน ก่อนย้ายมาตั้งอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังเก่าใจกลางสุขุมวิทที่ยกมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้านในแบ่งเป็น 2 บรรยากาศ คือชั้นล่างที่ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหาร ล้อมด้วยวิวสวนและต้นไม้ แม้ว่าพื้นที่ตรงนี้จะไม่ใหญ่มาก แต่ทุกโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวและไม่รู้สึกอึดอัด

 

ตรงข้ามกับชั้นบนที่เป็นโครงสร้างบ้านเรือนไทยชัดเจน แต่มีการออกแบบใหม่ให้โมเดิร์น ล้ำสมัย และเป็นมุมซิกเนเจอร์ของ Gaa

 

 

The Taste

 

เมนูที่เสิร์ฟมีทั้งหมด 11 คอร์ส เรานั่งชิมแล้วรู้สึกสนุกตลอดมื้ออาหาร ทั้งรสชาติและการนำเสนอแต่ละเมนูทำให้มื้อนี้ไม่น่าเบื่อ โดยเฉพาะบางเมนูที่ชื่อคุ้นหูอยู่แล้ว แต่เชฟก็ทำให้เรารู้สึกแปลกใหม่ได้ เช่นคำแรก ‘Chaat’ ที่เสิร์ฟแบบกรอบๆ มีใบชะพลูและใบมะม่วงทอด แต่กินแล้วสดชื่นเพราะมีทับทิมซอร์เบตเปรี้ยวๆ เย็นๆ

 

เช่นเดียวกับของกินเล่น 3 คำที่เสิร์ฟมาในเครื่องปั้นเซรามิกฝีมือศิลปินชาวอินเดีย เราชอบ ‘Paniya’ ขนมครกอินเดียที่เชฟใช้แป้งข้าวหมัก

 

‘DIY Bhel’ เป็นเมนูโอโทโรกับแผ่นแป้งกรอบๆ ให้เราตักกินคล้ายทาโก้ ‘A Taste of Kolkata’ ก็คล้ายๆ กัน แต่น่าสนใจตรงปลาทอด 3 รสที่เสิร์ฟมาให้กินเป็นคู่ เชฟได้แรงบันดาลใจเมนูนี้มาจากวัฒนธรรมอินโดจีน

 

 

หลังจาก ‘Gobi Paratha’ ขนมปังไส้ดอกกะหล่ำกับเนยขิง ก็ตามด้วย ‘Summer Curry’ แกงแบบเย็นให้กินแก้ร้อน มีเนื้อปูม้าจากสุราษฎร์ธานี กับซอสใบตองย่างน้ำกะทิ ‘Papadam’ เมนูนี้ก็เด็ด เพราะเชฟใช้เนื้อหมูช่วงแก้มถึงคอที่ย่างจนนุ่ม เสิร์ฟให้เราฉีกเป็นเส้นกินคู่กับแผ่นแป้งกรอบๆ ลดความหนักลงมาหน่อยด้วย ‘Crayfish’ เป็นเมนูกุ้งก้ามแดงย่าง กินคู่กับซอส ใบชะพลู และข้าวพอง

 

 

‘Ghee Rice & Cola’ นี่คือเมนูที่อยากให้ทุกคนตั้งตารอที่สุด เป็นเมนูข้าวที่เรียบง่ายแต่หอม มัน ยกให้เป็นข้าวผัดในอุดมคติเลย โดยเชฟใช้ข้าวกล้องน้ำนมจากสุรินทร์ นำไปผัด Ghee (เนยใส) ใส่ผักดองชิ้นเล็กๆ กับน้ำมะขามและเครื่องเทศให้ตัดรสชาติ ใส่ถั่วเม็ดเล็กเพิ่มเท็กซ์เจอร์ กินแล้วทุกอย่างเข้ากันลงตัวมาก ไม่แปลกใจถ้าร้านจะบอกว่ามีลูกค้าสั่งเมนูนี้เพิ่มเยอะ

 

 

เมนคอร์ส ‘The Tandoori Story’ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของ Gaa เชฟบอกว่าเพราะคนอินเดียกินมังสวิรัติเยอะ จึงอยากทำจานหลักแบบไร้เนื้อสัตว์ ได้ยินครั้งแรกเราเองก็ลังเล เพราะไม่ใช่แฟนทุเรียนสักเท่าไร แต่เมื่อลองชิมแล้วกลับอยากกินไม่หยุดเลย โดยเชฟใช้ทุเรียนหมอนทองดิบ นำเนื้อไปคลุกเครื่องปรุงและขึ้นย่างบนเตาทันดูรี เวลาเสิร์ฟให้เรากินจะมาพร้อมน้ำแกง Saag ผสมกระเจี๊ยบและผักโขม ให้ราดลงบนทุเรียนและตักวางบนแผ่นโรตี กินพร้อมเครื่องเคียง ซอส และผักดองต่างๆ รสชาติกลมกล่อม ครีมมี่ หอมเครื่องเทศ มีทั้งความนุ่มกรอบ เป็นเมนูที่น่าประทับใจมาก

 

 

หลังจากนั้นเป็นไอศกรีมดอกไม้ป่าอินเดีย และของหวานชื่อ ‘Patori’ เกี๊ยวไส้มะพร้าวกับน้ำตาลโตนด และ ‘Mithai’ ที่แปลว่าขนมหวานอินเดีย ซึ่งเชฟทำเป็นคำเล็กๆ หลายๆ อย่างมาให้ลอง

 

 

Good for

 

Gaa เสิร์ฟอาหารอินเดียได้ไม่เหมือนใคร ทั้งรสชาติและประสบการณ์ อาจเพราะวัตถุดิบ เทคนิคการทำอาหาร การนำเสนอเมนูต่างๆ รวมถึงการหยิบอาหารอินเดียมาผสมกับวัฒนธรรมชาติอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีกลิ่นอายญี่ปุ่น ไทย จีน เรียกว่าเป็นอาหารอินเดียสมัยใหม่ก็ไม่ผิดนัก และนั่นทำให้เรารู้สึกชอบเป็นพิเศษ

 

ถ้าใครอยากลองชิมอาหารอินเดียระดับ 2 ดาวมิชลิน นี่คือร้านที่ควรอยู่ในลิสต์

 

Gaa

Address: ซอยสุขุมวิท 53

Open: ทุกวัน เวลา 17.30-00.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มมื้อกลางวัน เวลา 12.00-15.00 น.)

Contact: Gaa

Budget: คอร์สละ 4,700++ บาทต่อคน

Map:

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising