หลังจากปีที่แล้วมีร้านอาหารเปิดใหม่น่าตื่นเต้นมากมายให้ตามไปกินตลอดทั้งปี ปีนี้เราเชื่อว่าก็คงไม่ต่าง แถมดูท่าอาจจะเยอะกว่าเดิมเสียอีก! เพราะแค่เริ่มต้นปีมาไม่นาน ก็มีร้านอาหารใหม่ๆ พร้อมเปิดประตูให้ทุกคนไปเช็กอินอยู่เพียบ
ถ้าใครไม่เคยพลาดชิมเลยสักร้าน หรืออยากรู้ว่าจะมีร้านไหนน่าสนใจในปีนี้บ้าง ลองมาดูได้ในลิสต์ 15 ร้านอาหารเปิดใหม่ที่เราเองก็พร้อมตามไปเช็กอินตลอดปี 2023 แล้วมาลุ้นกันว่าร้านไหนจะฮอต จนกระทั่งกลายเป็นร้านจองยากประจำปีไปได้
1. Sushi Saito
Sushi Saito
โอมากาเสะสไตล์เอโดะมาเอะชื่อดังจากโตเกียวที่ขึ้นชื่อว่าจองยากสุดๆ มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยแล้ว และเพิ่งเริ่มเสิร์ฟรอบแรกไปเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมนี้เอง โดยเชฟเจ้าของคือ Takashi Saito ผู้คัดสรรเฉพาะวัตถุดิบชั้นเลิศในการทำซูชิเท่านั้น
นอกจากสาขาต้นตำรับในญี่ปุ่น Sushi Saito ยังมีสาขาที่ฮ่องกงอยู่ในโรงแรม Four Seasons ซึ่งสาขานั้นได้รางวัลมิชลิน 1 ดวงด้วย สำหรับสาขาใหม่ล่าสุดในกรุงเทพฯ ก็อยู่ในโรงแรม Four Seasons เช่นกัน มาพร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านในเป็นเคาน์เตอร์บาร์ไม้เรียบง่ายคล้ายสาขาต้นแบบ
สอบถามหรือสำรองที่นั่งได้ที่ 0 2060 1999 หรือ [email protected]
2. Shake Shack
Shake Shack
ไม่ปล่อยให้พวกเรารอนานไปกว่านี้ เพราะแบรนด์เบอร์เกอร์ชื่อดังที่กำลังจะเปิดสาขาแรกในประเทศไทย Shake Shack ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าเจอกันในเดือนมีนาคมนี้!
เพราะฉะนั้นใครเป็นแฟนคลับต้องรอติดตามอย่างใกล้ชิด แล้วเตรียมพุ่งตัวไปชิมก่อนใครเพื่อน! โดยร้านจะเปิดอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1
3. THE SHOYU STAND
THE SHOYU STAND
แฟนราเมนตั้งตารอชิมราเมนเมนูใหม่ฝีมือเชฟชินแห่ง No Name Noodle ได้เลย เพราะเชฟบอกแล้วว่าจะเปิดร้านแห่งใหม่ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ชื่อว่า THE SHOYU STAND ถ้าให้เดาอาจเน้นราเมนซุปโชยุเป็นพิเศษ และมาในคอนเซปต์ Neo Yatai บรรยากาศต่างจากร้าน No Name Noodle โดยสิ้นเชิง เพราะมีความสนุกสนานมากขึ้น เป็นกันเองมากขึ้นด้วย
ถ้าใครเป็นแฟนคลับเชฟชินตั้งแต่ร้านแรกๆ หรือยังไม่มีโอกาสชิมฝีมือเชฟสักที เตรียมตัวจองที่นั่งร้านนี้กันให้ไว
4. FUEGO
FUEGO
ร้านทาปาสแห่งใหม่ที่ผสมวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นและสเปนเข้าไว้ด้วยกันเป็นที่แรกในกรุงเทพฯ มาพร้อมบรรยากาศสนุกๆ สไตล์ละติน และครัวแบบเปิดให้เรามองเห็นทีมเชฟเตรียมอาหารได้ตลอดมื้อ ส่วนวัตถุดิบก็นำเข้ามาจากญี่ปุ่นและสเปน นำเสนอทั้งรูปแบบอะลาคาร์ตและเทสติ้งเมนู 11 คอร์ส โดยร้านเปิดอยู่ที่ The Taste ทองหล่อ
5. Madi Paidi Bangkok
Madi Paidi Bangkok
แม้จะยังไม่รู้ว่าห้องอาหารชื่ออะไร เลยขอยกชื่อโรงแรมมาก่อนแล้วกัน แต่หากโรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการเมื่อไร จะมาพร้อมห้องอาหารที่มีเชฟวุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร อีกหนึ่งเชฟชาวไทยฝีมือระดับท็อป รับหน้าที่เป็นเอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟผู้รังสรรค์เมนูผ่านการใช้วัตถุดิบหลากหลาย และเสิร์ฟด้วยหน้าตาสวยงามเป็นเอกลักษณ์
6. ÒRE BANGKOK
ÒRE BANGKOK
เตรียมรัวมือจองที่นั่งร้านอาหารแห่งนี้ให้ไว เพราะเป็นร้านเพียง 8 ที่นั่ง โดยเชฟชาวกรีก Dimitrios Moudios ที่ปกติแล้วเดินทางทำอาหารไปทั่วโลก ทว่าตอนนี้เขาจะมาเปิดร้านอาหารแห่งแรกของตัวเองในกรุงเทพฯ ช่วงกลางปี
เชฟเคยทำงานในร้านอาหารประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเคยสร้างผลงานไว้ที่ร้าน Boragó ประเทศชิลี ซึ่งได้รางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมอันดับที่ 10 ของแถบลาตินอเมริกา และอันดับที่ 38 ของโลก หลังจากนั้นเชฟย้ายไปทำงานที่ร้าน Alchemist ประเทศเดนมาร์ก เจ้าของรางวัล 2 ดาวมิชลิน
7. F.I.X & The Lazy Bunch
F.I.X & The Lazy Bunch
ร้านมื้อสายแห่งใหม่บนถนนสารสิน โดยทีมร้านกาแฟ F.I.X Coffee เราเชื่อว่าหลายคนเป็นแฟนคลับร้านนี้มานานตั้งแต่สาขาแรก เพราะฉะนั้นสาขาใหม่ล่าสุดที่ไม่ธรรมดาแห่งนี้ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน เนื่องจากมีเมนูมื้อสายเพิ่มเข้ามาด้วย
เมนูบรันช์ของ F.I.X สารสิน จะเน้นความแปลกใหม่แต่กินง่าย อยากให้ทุกคนแวะมานั่งกินแบบสบายๆ ตามสไตล์มื้อสายของคนขี้เกียจ
8. Terroir Restaurant
Terroir Restaurant
ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสไตล์ Progressive Kaiseki น่าสนใจตรงเน้นการชูวัตถุดิบผักผลไม้จากไทยและญี่ปุ่น นำเสนอผ่านเมนู 12 คอร์ส มื้อกลางวัน และ 18 คอร์ส มื้อค่ำ โดยร้านมาในบรรยากาศเคาน์เตอร์บาร์ ทำให้มีที่นั่งจำกัดในแต่ละวัน หากอยากลองชิมก็ต้องรอนานกันหน่อยนะ
9. École Ducasse Café
École Ducasse Café
นอกจากเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่นำเข้าหลักสูตรมาจากเชฟชาวฝรั่งเศสระดับโลก ชั้นล่างของ École Ducasse Studio ก็เปิดเป็นคาเฟ่ให้ทุกคนมานั่งกินมื้อเช้า ชิมขนม จิบกาแฟได้ด้วย โดยขนมทุกชิ้นเป็นสูตรเดียวกับที่สอนในคลาสต่างๆ และอบสดใหม่ทุกวันจากห้องอบขนมด้านบน
บรรยากาศคาเฟ่จะเป็นกึ่งกลาสเฮาส์ให้เรานั่งชมสวนด้านนอกได้ เพราะที่นี่เปิดอยู่บนพื้นที่ของบ้านปาร์คนายเลิศ ด้านหลังเซ็นทรัลชิดลม
10. Juksunchae
Juksunchae
ร้านอาหารเกาหลีไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ตอนนี้ นำโดยเชฟชาวเกาหลีใต้ที่นำเมนูบ้านเกิดดั้งเดิมมานำเสนอใหม่ ผ่านการใช้เทคนิคการทำอาหารและการนำเสนอที่มีกลิ่นอายทันสมัยชัดเจน เสิร์ฟผ่านเมนู 11 คอร์สที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบและเรื่องราวน่าสนใจ
11. ตามกาล
ตามกาล
ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ที่นำทีมโดยเชฟชาวไทยฝีมือมีประสบการณ์ อาหารที่ร้านนำเสนอจะเป็นเมนูโบราณ หรือนำประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปนานหลายร้อยปีมาเล่าใหม่ผ่านอาหารไทย 14 คอร์ส รับรองบางจานเป็นเมนูที่คุณไม่เคยได้ยินผ่านหูมาก่อนแน่นอน
ที่นี่เปิดอยู่ในซอยสุขุมวิท 8 และมีเฉพาะมื้อเย็นเท่านั้น
12. Løyrom
Løyrom
ร้านอาหารกลิ่นอายนอร์ดิกที่ย้ายจากเชียงรายมาเปิดใหม่อยู่ในย่านพระราม 4 นำโดยคู่เชฟชาวไทยที่ตั้งใจใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมารังสรรค์เป็นเทสติ้งเมนู 6 คอร์สที่รสชาติถูกลิ้นคนไทย
13. Underhound
Underhound
อีกร้านอาหารแห่งใหม่โดยทีม Greyhound ที่นำเสนอเมนูกลิ่นอายฝรั่งเศส เสิร์ฟให้ชิมในรูปแบบอะลาคาร์ต ท่ามกลางบรรยากาศที่ได้แรงบันดาลใจมาจากรถไฟใต้ดินในกรุงปารีสสมัยก่อน โดยเปิดอยู่ในสยามพารากอน ลองแวะไปชิมดูกันได้
14. Kiri Tsukemen by Tsuru
Kiri Tsukemen by Tsuru
ร้านทสึเคเมนสเปเชียลตี้ เพราะทั้งร้านมีเฉพาะเมนูทสึเคเมน (กับของกินเล่น) เท่านั้น ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือทีมร้านอุด้ง Tsuru ที่หลายคนติดใจ ฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพ พวกเขาใส่ใจตั้งแต่เส้นสดที่ทำเองวันต่อวัน ทุกคนเลือกความแข็งของเส้นได้ มาพร้อมหมูชาชู เมนมะปรุงรส อาจิทามะรสชาติไม่เหมือนใคร และน้ำซุป 6 แบบให้เลือกตามความชอบ โดยราคาทุกเมนู 350 บาทเท่านั้น
Kiri Tsukemen เปิดอยู่ในโครงการเดียวกับ Tsuru Udon ทองหล่อ รับได้รอบละประมาณ 10 ที่นั่ง เปิดวันละ 2 รอบ คือ 11.00-15.00 น. และ 17.00-21.00 น.
15. FEST at Public House Hotel
FEST at Public House Hotel
ร้านอาหารเช้าถึงค่ำที่จะกลายเป็นจุดแฮงเอาต์แห่งใหม่ของชาวพร้อมพงษ์ ที่นี่เปิดอยู่ในโรงแรม Public House ซึ่งกำลังจะเปิดให้เข้าพักได้เร็วๆ นี้ โซนร้านอาหารและบาร์ที่พร้อมแล้วจึงเปิดประตูต้อนรับแขกก่อนใครเพื่อน โดยร้านจะอยู่ด้านล่างสุด มาพร้อมบรรยากาศรับแสงแดดที่แวะมานั่งทำงานไปกินข้าวเช้าไปด้วยได้
ส่วนเมนูจะเป็นสไตล์ตะวันตกผสมยุโรป เน้นใช้เทคนิคการย่างทำอาหาร และมีหลายเมนูเหมาะกับชาววีแกน เฮลตี้ หรือคนรักเนื้อหนักๆ เลยก็มี