แม้รักเราไม่สมหวัง แต่ก็ ‘ดีใจด้วยนะ’ ความเห็นอกเห็นใจต่อเขาและตัวเองหลังจบความสัมพันธ์

ในขณะที่เรากำลังนั่งฟังเพลงเรื่อยเปื่อยระหว่างปั่นงานส่ง Spotify ก็สุ่มเพลงมาให้ฟังอย่างหลากหลาย และเราก็ไปสะดุดกับเพลงหนึ่งเข้าอย่างจัง โดยไม่ได้ตั้งใจฟังทั้งหมดด้วยนะ นั่นคือเพลง ดีใจด้วยนะ ของ อิ้งค์-วรันธร เปานิล ที่กำลังคร่ำครวญอย่างรวดร้าวที่คนรักเก่าไปมีความสัมพันธ์ใหม่ แต่ฉันยังไม่มูฟออน… จริงๆ เราได้ยินเพลงนี้มาตั้งนานแล้ว แต่จู่ๆ เราก็นึกตั้งคำถามกับเพลงนี้ขึ้นมาว่า การที่ร้องเนื้อเพลงว่า “ดีใจด้วยนะ ที่เธอเริ่มต้นใหม่สักที” ทำไมเธอถึงเป็นคนมีเมตตาขนาดนั้น!

Photo: มิวสิกวิดีโอเพลง ดีใจด้วยนะ

ถ้าหากคุณเติบโตมากับเพลงของ ปาน ธนพร (เหมือนเรา) แน่นอนว่า สถานการณ์ประเภทที่ว่า ดีใจด้วยนะที่เธอเริ่มต้นใหม่สักที ฉันขอให้ความรักครั้งใหม่ของเธอดีแสนดี มันไม่มีทางหรอก! เพราะถ้าฉันเจ็บ เธอก็ต้องเจ็บ และกลายเป็นความอาฆาตแค้นไปในที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่เราเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และอยากจะเอาความรู้สึกตรงนี้มาเล่าให้คุณได้ฟังคือ มันหมดยุคของการสาปแช่ง ดุด่า หรือการทำร้ายจิตใจคนรักเก่าที่จากเราไปแล้ว (แม้ว่าเขาจะเป็นฝ่ายทิ้งเราไปก็ตาม) แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องเป็นคนดีแสนดี นั่งร้องไห้ และรับบทผู้ถูกกระทำนะ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือ การได้สำรวจตัวเอง และมีความเห็นอกเห็นใจให้กับเขาและตัวเองต่างหาก

วันนี้จะลองสวมบทบาทเป็น อิ้งค์ วรันธร หนึ่งวัน ว่าเหตุใดกันเราถึงควรรู้สึกยินดีปรีดากับความรักครั้งใหม่ของคนรักเก่า แล้วความรู้สึกของฉันที่เสียไป ใครจะรับผิดชอบ?

ดีใจด้วยนะ ที่เธอเริ่มต้นใหม่สักที

เราเข้าใจนะว่าการมีความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นแฟนที่คบหาดูใจกันอย่างจริงจัง หรือแม้แต่การอยู่ในสถานะ ‘คนคุย’ ในระยะเวลาหนึ่ง มันล้วนสร้างความผูกพันระหว่างคุณกับเขาอย่างแน่นอน วันเวลาจะน้อยจะมากมันไม่ใช่คำตอบว่าคุณจะผูกพันกับเขามากน้อยแค่ไหน มันอยู่ที่ความรู้สึกที่คุณต่างแชร์เรื่องราวทั้งดีและร้ายร่วมกัน ฉะนั้นเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างคุณสองคนมันจะกลายเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่อยู่ในใจเสมอ แต่คุณเองก็ต้องอย่าลืมว่า ชีวิตต้องก้าวต่อไป เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นความทรงจำที่ดีก็พอ

จริงๆ แล้วในเพลง ดีใจด้วยนะ ที่เรากำลังจะชวนคุยเรื่อง Empathic Communication หรือการสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจ มันดูเป็นความท้าทายเหมือนกัน หากเราจะเอาประเด็นนี้มาจับเข้ากับเรื่องของความรักความสัมพันธ์ เพราะเมื่อจบความสัมพันธ์ลง สิ่งที่จะยังรบกวนจิตใจคุณอยู่ในช่วงแรกคือ การตั้งคำถาม ความขุ่นเคือง และความโกรธ ที่ว่าด้วย ‘ทำไมเราต้องเลิกกัน’ ‘ทำไมเธอทิ้งฉันไป’ หรือ ‘ฉันผิดอะไร’ คนรักกันมา อยู่มาวันหนึ่งที่ความสัมพันธ์มันไม่เหมือนเดิมแล้ว มันก็ต้องใช้เวลาเป็นธรรมดา แต่ทีนี้หากหยิบยกเอาสถานการณ์ในเพลงขึ้นมาอธิบายความเห็นอกเห็นใจ เราจำเป็นต้องแสดงความยินดีกับคนรักเก่าที่กำลังจะมีรักใหม่หรือเปล่า?

สิ่งแรกที่คุณอาจต้องลองสำรวจคือ ลองคิดดูดีๆ ว่า ประโยชน์ของการเอื้อยเอ่ยคำยินดีของคุณบอกเขาไปคืออะไร? คุณต้องการจะแสดงความยินดีจริงๆ จากใจ หรือเพียงแค่อยากให้เขารู้ว่า ฉันยังติดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน… แล้วคุณเข้าใจจริงๆ แล้วใช่หรือไม่ว่า เขากำลังจะไปเริ่มต้นใหม่…

Photo: มิวสิกวิดีโอเพลง ดีใจด้วยนะ

ยินดีกับเขาได้ แต่ต้องระวังทั้งตัวเขาและตัวเอง

ดร.ดาร์ซี สเตอร์ลิง นักสังคมสงเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความสัมพันธ์ที่เคยมีส่วนร่วมในรายการ Famously Single! ของช่อง E! ในสหรัฐอเมริกา เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับกรณีนี้ว่า “คุณต้องระมัดระวังกับการไปร่วมแสดงความยินดี โทร.ไปหา หรือส่งข้อความไปหาแฟนเก่า เพราะนั่นล้วนแล้วแต่จะสร้างความรู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะกับตัวคุณเอง เพราะมันเหมือนว่า คุณยังมีความรู้สึกให้เขาอยู่ ซึ่งทั้งนี้มันอาจจะขึ้นอยู่กับความหมายที่คุณต้องการจะบอกด้วย เพราะไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังมีความรู้สึกให้คุณอยู่ก็ได้” สมมติเราส่งเมสเสจไปหาคนรักเก่าว่า “ดีใจด้วยนะ ที่เธอเริ่มต้นใหม่สักที” แต่เราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่า เขาจะรับสารที่เราส่งไปให้ด้วยความรู้สึกแบบไหน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า คุณไปทำให้เขารู้สึกไขว้เขวหรือเปล่า หากเขาเองยังมีความรู้สึกให้คุณอยู่

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง การส่งข้อความไปร่วมแสดงความยินดีกับแฟนเก่า มันก็เป็นการสร้างความรู้สึกใหม่ๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะกับตัวคุณที่อาจจะกลับไปรู้สึกดีๆ กับเขาอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ในฐานะคนรัก การที่คุณจะมีความยินดีกับเขา มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณจะได้พิสูจน์ตัวเองว่า ‘ฉันไม่รู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว’ หรือ ‘ความรักของเรามันจบไปแล้ว’ และค่อยๆ ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาว่า เพราะว่าการเลิกราจะเจ็บปวด แต่มันไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้สึกเจ็บหรอก แล้วมันก็ดีไม่ใช่เหรอ หากว่าคุณทั้งคู่อาจจะได้เริ่มต้นใหม่ และมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง

สิ่งหนึ่งที่คุณควรเห็นอกเห็นใจอีกฝ่ายหลังการเลิกรากันไปคือ การที่คุณต้องคิดว่า “ไม่มีใครอยากจมอยู่กับความทุกข์นานๆ หรอก” ฉะนั้นการที่เขาเริ่มต้นใหม่ มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะ และคุณเองก็ควรเริ่มต้นก้าวต่อไปได้แล้ว เราควรเห็นใจเขา หากเขาจะต้องมีความสัมพันธ์ใหม่กับใครสักคน เพื่อรองรับความรู้สึกเศร้าภายในใจของเขา (แม้จะเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว) เพราะนั่นอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเขาก็ได้

แต่ทั้งนี้เราก็เข้าใจเช่นกัน สำหรับคนที่เลิกราจากความสัมพันธ์กันไปแล้ว ‘ไม่เผาผี’ กัน มันก็มี คุณก็ต้องรู้ตัวเองว่า ความรวดร้าวของสัมพันธ์ที่จบไปของคุณอยู่ในระดับไหน หลีกเลี่ยงการติดต่อ การเห็น การเจอไปเลย จะดีกว่าในกรณีนี้ (อยู่บ้านเปิดเมดเลย์เพลงพี่ปาน ธนพร วนไปเลย!)

Photo: มิวสิกวิดีโอเพลง ดีใจด้วยนะ

ไม่ใช่แค่เห็นใจเขา แต่คุณต้องเห็นใจตัวเองด้วย

แม้ว่าการแสดงความห่วงใยและการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน การที่คุณจะเอาแต่โทษตัวเอง หรือท่อนที่ร้องว่า “ติดที่ฉันนั้นยังคงจมอยู่ เหมือนว่ายังมีเธออยู่” โอเค เราพบว่ามันเศร้ามาก และมันคือกรอบความคิดของคนที่ยังไม่พร้อมจะออกจากความรู้สึกเดิม คุณยังมีความคิดเดิมๆ ว่า ฉันยังเสียใจ ฉันยังจมอยู่ การคาดหวังให้เขากลับมา หรือรอให้เขามาร่วมแสดงความยินดี หากเมื่อวันหนึ่งคุณจะมีรักใหม่ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ดูเหมือนจะเป็น ‘ความรู้สึกร่วม’ ที่เราได้เห็นกันจากทั้งเพื่อนๆ รอบตัว หรือประเด็นร่วมสมัยในหนังหรือเพลงต่างๆ และคุณก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกตัวเองให้ได้ด้วย

ไม่รู้จะหาทฤษฎีหรืองานศึกษาใดมาเล่าให้คุณฟัง แต่เราอยากบอกกันตรงๆ เลยว่า ในขณะที่ชีวิตของคุณยังต้องมีเรื่องอื่นๆ ให้โฟกัสอีกมากมาย ทั้งการเรียน การงาน ครอบครัว หรือแม้แต่เรื่องใหญ่ๆ ในสังคม คุณต้องไม่มัวมาเสียเวลากับความเศร้าใจ ลุกขึ้นไปหาอะไรทำ หรือออกไปเจอคนใหม่ๆ ได้แล้ว แต่เราก็ไม่ได้บังคับคุณนะ เพราะคุณเองก็ต้องเข้าใจตัวคุณเองก่อนว่า ‘ตอนนี้คุณต้องการอะไร?’ ถ้านึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร เราเคยเล่าให้คุณฟังไปแล้วในเรื่อง พร้อมมูฟออนหรือเปล่า? สำรวจอุปสรรคและตัวคุณ เพื่อก้าวต่อไปในความสัมพันธ์ใหม่ ลองอ่านกันดู

ไม่ว่าคุณจะอยู่หรือไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้คุณคิดไว้เสมอคือ ไม่ว่าความเจ็บปวดรวดร้าวของความสัมพันธ์มันจะเป็นเรื่องน่ากลัวแค่ไหนก็ตาม คุณควรมีพื้นฐานของความคิดเชิงบวกเข้าไปก่อน เสียใจมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่จะทำให้คุณไม่ธรรมดาคือ การก้าวผ่านความเสียใจไปได้ด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจคนอื่นต่างหาก

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

FYI

LOVE ON POP คอลัมน์ที่จะพาผู้อ่านไปสำรวจพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติที่แอบซ่อนอยู่ในเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ในโลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง กระแสสังคม หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อส่งต่อ ชวนคุย ชวนถกถึงความรู้สึกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกวัน