×

LGBTQ Love & Family EP.1: บทสัมภาษณ์เต็ม ครอบครัว ‘คุณพ่อ-คุณพ่อ ลูกสาม’ ของ ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย

02.10.2020
  • LOADING...
LGBTQ คู่สมรส ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร

โลกในยุคปัจจุบันเป็นโลกที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้า ค่อยๆ เปิดกว้างและโอบรับความหลากหลายและความเท่าเทียมกันในมิติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น หน่วยที่เล็กที่สุดในสังคมอย่าง ‘ครอบครัว’ เองก็เช่นกัน นิยามและองค์ประกอบของครอบครัวได้เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคมโลกที่เปิดพื้นที่ให้กับทุกความแตกต่างหลากหลาย (Inclusive Diversity)

 

จากอุดมการณ์อันหนักแน่นที่อยากจะ #StandUpForThePeople ของ THE STANDARD โปรเจกต์เล็กๆ อย่าง ‘LGBTQ Love & Family’ จึงเกิดขึ้น เพื่อเน้นย้ำว่า LGBTQ เป็นหนึ่งใน The People ที่เรา Stand Up For ใน EP.1 นี้เรามีโอกาสพูดคุยกับ ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พร้อมด้วย สกอตต์ ชาง สามีชาวอเมริกันเชื้อสายจีนและครอบครัว เพื่อนำเสนอภาพความหลากหลายในครอบครัว และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ‘ครอบครัวคุณพ่อ-คุณพ่อ ลูกสาม’ ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข และสมบูรณ์พร้อมได้ไม่ต่างกัน 

 

ไบรอันและสกอตต์เป็นหนึ่งในคู่รักเพศเดียวกันที่สมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งสองตัดสินใจที่จะร่วมกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมีลูกๆ ที่น่ารัก เป็นหนึ่งในคู่รักเพศเดียวกันที่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้ สร้างครอบครัวในแบบที่อยากให้เป็น THE STANDARD จึงชวนพวกเขามาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวความรัก การสมรสเพศเดียวกัน คนรุ่นใหม่กับ #สมรสเท่าเทียม ในสังคมไทย รวมถึงบทบาทการเป็นคุณพ่อลูกสามและความหวังต่อประเด็น LGBTQ 

 

มาร่วมทำความรู้จัก ‘ครอบครัวคุณพ่อ-คุณพ่อ ลูกสาม’ อีกหนึ่งนิยามของครอบครัวที่หลากหลายไปพร้อมๆ กัน

 

 

PART I: Love

 

ชีวิตในวัยเด็ก

สกอตต์: เมื่อเทียบกับไบรอัน ผมเคยอาศัยอยู่หลายที่มาก ผมเกิดที่ไต้หวัน แต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก เราย้ายไปที่สหรัฐอเมริกา เราอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย ชีวิตที่นั่นละเมียดละไม เป็นอย่างที่คุณเห็นในโทรทัศน์ เงียบสงบ อบอุ่น และผ่อนคลาย 

 

ไบรอัน: ผมโตมาในไอร์แลนด์เหนือ แม่ของผมเป็นชาวไอริช พ่อของผมเป็นชาวสกอตช์ ผมอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบมากๆ อาจมีประชากรแค่ราว 12,000 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนั้น ที่นั่นค่อนข้างอนุรักษนิยมและเป็นสังคมเล็กๆ ฝนตกบ่อยมากแล้วก็หนาวมาก แต่ก็สวยมากๆ เช่นกัน

 

มุมมองความรัก

ไบรอัน: ผมคิดว่าความรักหมายถึงสิ่งต่างๆ ที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลาในชีวิตของคุณ เรากำลังพูดถึงภาพความรักของเราที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์และมีลูกๆ ทั้ง 3 คนปีนขึ้นมาปลุกพวกเราบนเตียง พูดคุยกันถึงเรื่องทั่วๆ ไปของพวกเขาอย่างเรื่องของเล่น หรือเรื่องบางเรื่องที่เราก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ รวมถึงเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ความรู้สึกถึงการเป็นครอบครัวและมีความอลหม่านเล็กๆ ผมคิดว่านั่นเป็นความรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

 

สกอตต์: ผมคิดว่าแต่ละทศวรรษในชีวิตของคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อไรก็ตามถ้านั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัว ยิ่งเมื่อคุณมีลูกๆ คุณก็จะหันมาโฟกัสครอบครัวที่น่ารักเพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้านี้จะเป็นช่วงชีวิตที่ให้คุณได้วิ่งไล่ตามความฝัน ค้นหาอาชีพที่อยากทำ และหวังว่าคุณจะเจอบางสิ่งบางอย่างที่คุณรักที่จะทำมันจริงๆ มีรักที่แข็งแกร่ง ก่อนที่ผมจะได้เจอชายผู้สมบูรณ์พร้อมคนนี้ ผมคิดว่าในแต่ละช่วงเวลา เราเป็นเราในเวอร์ชันที่แตกต่างกันออกไป อย่างในตอนนี้เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ

 

ไบรอัน: ผมคิดว่ามันเป็นการค้นหาคนที่ใช่ คนที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและพอดีสำหรับคุณ ก่อนที่เราจะตัดสินใจมีลูก เรารู้จักกันและกันมาสักพักหนึ่งแล้ว และเราก็ตัดสินใจอยู่ด้วยกัน เขาเป็นคนรักที่สมบูรณ์พร้อม เป็นยูนิตที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งต่อมาเราก็มีลูกๆ บางทีความรักอาจจะเป็นบางสิ่งบางอย่างที่พัฒนาขึ้นได้ ค่อยๆ ดีขึ้นๆ ตลอดเวลา

 

 

เดตแรก

สกอตต์: ตอนที่ผมเจอไบรอัน ผมย้ายกลับไปอยู่ที่จีนตอนเป็นวัยรุ่น ผมจบมหาวิทยาลัยและทำงานในซานฟรานซิสโกประมาณ 1-2 ปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กวางโจวซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน และไบรอันก็ย้ายมาอยู่ที่นั่นพอดี ผมอาศัยอยู่ที่กวางโจวราวๆ 1 ปีครึ่ง ในช่วงสัปดาห์แรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ เราเจอกันที่งานปาร์ตี้บาร์บีคิวของเพื่อน นั่นเป็นครั้งแรกที่เราพบกัน แต่วงสังคมค่อนข้างเล็ก เราพบปะกันบ่อยครั้งขึ้น แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันสักระยะหนึ่ง ก่อนที่เราจะเดตกันอย่างเป็นทางการ

 

 

สิ่งที่ชื่นชอบในตัวของกันและกัน

ไบรอัน: สกอตต์เขารักการปาร์ตี้ เขารักที่จะอยู่กับผู้คนจำนวนมาก เข้ากับคนอื่นได้ง่าย เขามองโลกในแง่ดีมากๆ ครับ เขามักจะทำสิ่งต่างๆ ได้ดี ขณะที่ผมจะค่อนข้างเก็บตัว ขี้อาย และเงียบๆ ผมชอบที่เขามักจะเชียร์ให้ผมออกไปเจอผู้คน เมื่อไรก็ตามที่เขาต้องการจะทำอะไรสักอย่างขึ้นมาจริงๆ เขาก็จะตั้งใจทำให้สำเร็จขึ้นมาให้ได้ ที่สำคัญเขายังใจดีมากๆ ด้วย

 

สกอตต์: สองสิ่งที่เหมือนกันของเราซึ่งผมค้นพบ อย่างแรกคือเราชอบเทนนิสด้วยกันทั้งคู่ ผมเคยไปนั่งชมแกรนด์สแลมถึงขอบสนามเพียงครั้งเดียว ส่วนไบรอันเคยไปมาแล้วหลายครั้ง เรารักในเทนนิสและชอบเล่นเทนนิสเหมือนกัน ผมมักจะเล่นแพ้บ่อย ผมชอบที่เขาเล่นเทนนิสเก่งมาก และผมก็ไม่ค่อยชอบที่ตัวเองแพ้สักเท่าไร

 

นอกจากนี้ผมยังสนใจสิ่งที่อยู่บนชั้นวางหนังสือของเขา อย่างหนังสือที่เขาอ่าน ผมคิดว่าผมสามารถอ่านบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเขาจากหนังสือเหล่านั้นได้ รสนิยมของเราคล้ายกันมากจริงๆ ที่สำคัญผมแอบชอบมุมอ่อนไหวของเขามากๆ 

 

 

สิ่งที่คุณทั้งสองแตกต่างกัน

สกอตต์: ผมเป็นคนอเมริกัน ส่วนเขาเป็นคนอังกฤษ นั่นเป็นสิ่งที่ต่างกันที่ชัดที่สุด (หัวเราะ)

 

ไบรอัน: ผมพูดอังกฤษสำเนียงบริติช ขณะที่เขาพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกัน เขาค่อนข้างกระตือรือร้นมากกว่า ขณะที่ผมค่อนข้างจะเงียบมากกว่า 

 

สกอตต์: ผมเป็นคนพูดตรงๆ ตรงไปตรงมาครับ

 

ไบรอัน: ใช่ครับ ขณะที่ผมอาจจะไม่ได้ตรงเท่าเขา บ่อยครั้งที่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจผม เพราะผมไม่ได้บอกเขาตรงๆ ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เราเดตกันอย่างจริงจัง เขาไม่ละความพยายามและไม่เปิดช่องให้ผมปฏิเสธเขาได้เลย เราเห็นตรงกันว่าจะเดตกันต่อไปอีก ก่อนที่เราจะตกลงสมรสกัน

 

Photo: Brian Davidson & Scott Chang

 

มุมมองเรื่องการสมรส

ไบรอัน: เราต้องการที่จะสมรสกัน เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหราชอาณาจักร เรารักกันและกัน และเราต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่สมรสเพศเดียวกันหรือเป็นคู่ชีวิตก็ตาม นี่เป็นเรื่องของความเท่าเทียม เป็นเรื่องการมีสิทธิเหมือนกัน ซึ่งนอกเหนือไปจากประเด็นเรื่องความรัก คุณต้องการหลักประกันว่าต่อไปในอนาคตคู่รักของคุณจะมีสิทธิ์ตัดสินใจอนุญาตให้ทำการรักษาคุณได้เมื่อคุณเจ็บป่วย มีสิทธิ์ได้รับมรดกจากการเป็นคู่สมรส สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เช่นเดียวกันกับคู่สมรสคู่อื่นๆ 

 

ผมคิดว่าการสมรสมีสองแง่มุม อย่างแรก ผมคิดว่าสำหรับคู่รักต่างเพศก็คือตรงตัวเลย การสมรสเป็นการตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในทางกฎหมาย แต่ถ้าคุณเป็นคู่รักเพศเดียวกัน การสมรสไม่ได้เป็นเพียงการผูกพันกันในทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในระดับเดียวกันว่าคู่สมรสเพศเดียวกันของคุณ ครอบครัวของคุณ จะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับการที่เป็นคู่สมรสต่างเพศ

 

สกอตต์: แม้รัฐแคลิฟอร์เนียจะดูเสรีและเปิดกว้าง แต่ตอนที่ผมเองเป็นเด็ก ผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะสามารถแต่งงานได้ ผมยอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์ ตอนที่ผมยังค่อนข้างเป็นวัยรุ่น ดังนั้นผมจึงเก็บความคิดเกี่ยวกับการสมรสใส่ลงไปในกล่อง ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแล้วไม่ใช่เลย การสมรสเพศเดียวกันตอนนั้นยังไม่ถูกกฎหมาย ยังไม่เป็นที่ยอมรับและไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง ผมจึงพยายามค้นหาความรักในวิถีทางอื่นๆ และพบวิธีคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่อยู่นอกกรอบของการสมรส 

 

Photo: Brian Davidson & Scott Chang

 

แม้จะใช้ระยะเวลานานหลายปี แต่กฎเกณฑ์ต่างๆ ได้เปลี่ยนไป บางสิ่งบางอย่างกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับพวกเราในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ เราเป็นเพื่อนกันราวๆ 3 ปี เดตกันประมาณ 4-5 ปี ท้ายที่สุดการสมรสเพศเดียวกันก็ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ 

 

เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ที่บางสิ่งบางอย่างที่เคยเป็นไปไม่ได้เลยก่อนหน้านี้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในท้ายที่สุด พลังของเพื่อนๆ และครอบครัวที่รักคุณจริงๆ และคอยสนับสนุนคุณ เมื่อคุณยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา คุณจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ประกาศให้พวกเขารู้ว่าคุณชอบคนคนนี้จริงๆ และคนคนนี้ก็ชอบคุณจริงๆ เช่นกัน เราต้องการที่จะอยู่ด้วยกัน โปรดอวยพรและสนับสนุนพวกเรา ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ทรงพลังและน่ารักมากๆ ที่เราสามารถทำแบบนั้นได้

 

Photo: Brian Davidson & Scott Chang

 

บรรยากาศงานแต่งงาน

ไบรอัน: วันแต่งงานของเราเป็นวันที่พิเศษมากๆ เพราะได้แต่งงานที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร เพราะที่พักของเขาอยู่ในกรุงปักกิ่งในขณะนั้น เราจึงต้องแต่งงานกันบนดินแดนของสหราชอาณาจักรตามกฎหมายสหราชอาณาจักร งานของเราไม่ได้จัดใหญ่โต เราต้องการให้เพื่อนและครอบครัวของเราอยู่ที่นั่นด้วย คล้ายกับเป็นงานแต่งงานแบบ DIY

 

เพื่อนแต่ละคนทำหลายๆ อย่างให้เราในวันนั้น บางคนทำเค้กให้เรา บางคนทำเข็มกลัดดอกไม้ บางคนจัดแจงเรื่องรถยนต์ เป็นงานแต่งงานเล็กๆ ที่ออกแบบโดยเราเอง ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกๆ คนเลือกทำสิ่งที่อยากจะมอบให้เราตามใจชอบ เป็นงานที่ยอดเยี่ยมมากๆ ผมไม่คิดเลยว่าเราจะสามารถวางแผนงานแต่งงานให้ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นถือเป็นสิ่งใหม่ในสหราชอาณาจักรที่มีการสมรสเพศเดียวกันเกิดขึ้น ท่านทูตพูดกับผมว่า ไบรอัน จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะขอโพสต์ภาพงานแต่งงานของคุณในเว็บไซต์ทางการ เราคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ไม่น่าจะมีใครสนใจอะไรขนาดนั้น ขณะที่เรากำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นและสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในเย็นวันนั้น หัวหน้าของผมโทรศัพท์มาหาแล้วบอกว่า คุณรู้ไหม ตอนนี้มีคนเข้ามาชมบรรยากาศงานแต่งงานของคุณมากถึง 25 ล้านวิว งานแต่งงานได้รับการพูดถึงเป็นวงกว้าง ผมไม่คิดว่างานนี้จะสร้างสิ่งพิเศษอะไรมากมาย แต่เราก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นแล้ว

 

 

คนรุ่นใหม่กับ #EqualMarriage

ไบรอัน: เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าว เรากำลังพูดถึงเรื่องการสมรสที่ไม่ได้เป็นแค่การสมรส แต่เป็นเรื่องของความเท่าเทียมกัน ผมคิดว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ชี้ให้เราเห็นว่าทุกสังคมควรที่จะเคารพและให้สิทธิกับคนทุกคนเท่าเทียมกัน นี่ไม่ใช่การพรากหรือลิดรอนสิทธิไปจากใคร แต่เป็นสิ่งที่จะยืนยันว่าทุกคนในสังคมมีสิทธิเท่าเทียมและพึงเคารพสิทธิของกันและกัน ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีมากที่เราได้เห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เห็นพวกเขาขับเคลื่อนสังคม มันไม่ใช่สิ่งผิดแปลกที่คนสองคนที่รักกัน สมรสกัน มีสิทธิต่างๆ เท่าเทียมกัน และสร้างครอบครัวร่วมกัน นี่เป็นเรื่องของความเท่าเทียมกัน และคุณสามารถขยายพื้นที่เหล่านี้ได้ในสังคม ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี

 

สกอตต์: การไม่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายคือการที่คุณปฏิเสธสิทธิความเท่าเทียมที่เขาควรจะได้รับ รวมถึงเบียดขับให้เขาเป็นชายขอบของสังคม หลายๆ สิ่งที่พวกเขาต้องการทำให้เห็นในฐานะคู่รัก เราเองก็กำลังทำสิ่งนั้นเช่นกัน ผมคิดว่าการอนุญาตให้สมรสเพศเดียวกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คุณไม่เพียงแต่ให้สิทธิที่พวกเขาพึงได้รับ แต่คุณยังหยิบยื่นความรับผิดชอบแก่พวกเขาในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมกระแสหลัก และผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกๆ คน

 

ไบรอัน: ถ้าเกิดผมเจ็บป่วย สกอตต์มีสิทธิ์อนุญาตให้ทำการรักษาผม ถ้าคุณไม่มีสิทธิเท่าเทียมเหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ เขาก็จะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจตรงนี้ นั่นเป็นความไม่เท่าเทียมขั้นพื้นฐานในสังคมที่คนสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน สร้างครอบครัวร่วมกัน แต่กลับไม่มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจให้อีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าคุณอยากทำได้ คุณต้องเป็นคนรักต่างเพศ (Straight) ดังนั้นผมจึงคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้เห็นสิ่งนี้ ยังมีเรื่องที่ให้ถกเถียงกันอีกมากว่าจะผลักดันและนำไปสู่การให้สิทธิความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์สำหรับพลเมืองทุกคนที่นี่อย่างไร ทั้งในเรื่องการสมรสและประเด็นอื่นๆ ที่เป็นแกนกลางที่ดีของสังคม

 

 

#สมรสเท่าเทียม ในสังคมไทย

ไบรอัน: เป็นเรื่องเยี่ยมมากที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่เป็นผู้ขับเคลื่อนประเด็นต่างๆ ในสังคมไทย ผู้คนกำลังช่วยกันสร้างอนาคตสำหรับสังคมไทยร่วมกัน อนาคตของประเทศไทยกำลังเป็นประเด็นสำคัญในช่วงเวลานี้ พวกเขากำลังพูดถึงสิ่งต่างๆ ที่สำคัญสำหรับเขา สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติต่อทุกๆ คนอย่างเท่าเทียมกัน เคารพสิทธิของกันและกัน โดยทุกคนจะต้องไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ต้องหวาดกลัวต่อการข่มเหงหรือกลั่นแกล้งรังแก เป็นเรื่องที่ดีมากที่คนรุ่นใหม่ของไทยกำลังให้ความสนใจในประเด็นนี้ เริ่มต้นพูดคุยกันและสร้างความตระหนักรู้ เพื่อชี้ให้เห็นว่าการทำให้ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในทุกๆ สังคมไม่ได้เป็นการทำให้ชีวิตของใครแย่ลง

 

 

PART II: FAMILY

 

ไบรอัน: แนะนำตัวหน่อยว่าหนูชื่ออะไร

 

เอเลียต: เหวยเหวย

 

ไบรอัน: หนูมีกี่ชื่อ เหวยเหวย

 

เอเลียต: เอเลียต

 

สกอตต์: ใช่ เอเลียตก็เป็นชื่อหนึ่งของหนู แล้วอะไรอีก

 

เอเลียต: เหวยเหวย

 

ไบรอัน: แล้วอะไรอีก 

 

เอเลียต: เอเลียต ไบรอน

 

สกอตต์: เอสเม่ หนูต้องการจะบอกทุกคนไหมครับว่าหนูชื่ออะไร ตอนนี้อายุเท่าไรแล้วครับ

 

เอเลียต: 3 ขวบครับ

 

สกอตต์: ใช่ครับ เธออายุ 3 ขวบ

 

ไบรอัน: แล้วหนูล่ะเหวยเหวย หนูอายุเท่าไร

 

เอเลียต: 4 ขวบครับ

 

ไบรอัน: แล้วเอริกล่ะ อายุเท่าไร

 

เอเลียต: 1 ขวบครับ

 

 

ความคิดที่อยากจะเป็นคุณพ่อและสร้างครอบครัวที่อบอุ่น

สกอตต์: ผมคิดว่ามันเหมือนกันกับเวลาที่เราพูดถึงเรื่องการสมรส พอเราโตขึ้นและรับรู้ว่าพวกเราเป็นเกย์ มีบางอย่างที่เราต้องเก็บเอาไว้ เพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่ต่อมาเมื่อโลกเปลี่ยน วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้า หลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนกับว่ามันกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ และผมคิดว่าความคิดที่อาจจะรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการได้แต่งงานกันคือความคิดที่คุณจะมีลูกๆ และสร้างครอบครัว

 

ไบรอัน: ความรู้สึกที่พร้อมจะเป็นพ่อคน เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นก่อนที่เราจะแต่งงานกันไม่นาน พอเราไตร่ตรองและพบว่าเราต้องการทำสิ่งนี้จริงๆ พวกเราจึงเริ่มต้นที่จะทำให้ความคิดนี้กลายเป็นจริงภายในระยะเวลาไม่กี่ปี เพราะสกอตต์คิดอย่างรอบคอบและคุยกันว่าเราจะทำสิ่งนี้ด้วยกัน เราตัดสินใจจะทำตามแนวทางของผมในทันที ก่อนที่ 4-5 ปีต่อมา เราจะมีลูกๆ ที่น่ารักมากๆ ถึง 3 คน

 

สกอตต์: ไบรอันบอกว่าเขาต้องการจะมีลูกอย่างน้อย 5 คน และ E เป็นอักษรตัวที่ 5 ในภาษาอังกฤษ

 

ไบรอัน: ผมยังมีชื่อที่ขึ้นต้นด้วยตัว E อีกมาก สบายใจได้

 

 

ความหมายของคำว่า ‘ครอบครัว’

ไบรอัน: ผมคิดว่าความเป็นจริงเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวค่อนข้างเปลี่ยนไปอย่างกับในละคร หลังจากที่คุณมีลูกจะมีความอลหม่านเล็กๆ เกิดขึ้น ผมคิดว่าเรารับมือได้ เพราะเราต่างมาจากครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกมาก ผมมีน้องชายคนหนึ่ง แต่มีลูกพี่ลูกน้องจำนวนมาก ยังไม่นับรวมหลานและลูกทูนหัวอีก ผมคิดว่าเราพอจะทราบว่าการเป็นครอบครัวใหญ่รู้สึกอย่างไร

 

ครอบครัวเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ ทุกๆ วันแตกต่างกันไป เด็กๆ โตขึ้นและมีสิ่งต่างๆ มากมายท้าทายพวกเขา เช่น เมื่อตอนที่พวกเขาเกิด พวกเขาตัวเล็กมาก ต่อมาพวกเขาเริ่มที่จะสื่อสารได้ เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ได้ไปโรงเรียน ตอนเริ่มจากศูนย์ไปหนึ่งเป็นก้าวที่สำคัญมาก ตอนที่หนึ่งไปสองก็เป็นอีกก้าวที่สำคัญเช่นกัน แต่พอจากสองคนไปสามคน เราก็เริ่มที่จะเดินหน้าได้ฉลุยมากยิ่งขึ้น เพราะคุณมีระบบ คุณมีปัจจัยต่างๆ ที่ต้องใช้ทั้งหมดแล้ว

 

สกอตต์: ในบางเคสที่น่าเศร้ามากๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ครอบครัวของผม ไม่ใช่ครอบครัวของไบรอัน แต่เป็นคนที่เผยรสนิยมว่าตนเองเป็น LGBTQ อย่างเปิดเผยมากๆ บางครั้งครอบครัวของเขา โดยเฉพาะครอบครัวที่เป็นผู้ให้กำเนิดก็อาจจะไม่มีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น พวกเขาจึงต้องหาแรงสนับสนุนจากที่อื่น จากคนกลุ่มอื่นที่รัก เป็นห่วงพวกเขา และพร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขา

 

เราเองโชคดีมากๆ ที่เราได้มีโอกาสเลือกครอบครัวของเราเอง มีผู้คนที่เรารัก คอยสนับสนุนเราในการที่จะมีลูก และเรามีครอบครัวตามขนบ มีลูกๆ 3 คน มีคุณพ่อ 2 คน มีสุนัข 1 ตัว ผมคิดว่านิยามของครอบครัวจะยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ต่อไป และบางครั้งมันอาจจะวนกลับมาหาความหมายดั้งเดิมก็เป็นได้

 

 

เมื่อลูกไปโรงเรียนวันแรก

ไบรอัน: เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆ ผมคิดว่าวันนั้นค่อนข้างจะเป็นวันที่อ่อนไหวและตื้นตันใจ พวกเขาเริ่มรู้จักโรงเรียนแล้วตอนนี้ ผมคิดว่าเมื่อตอนเอเลียตเกิด ความคิดที่ลูกจะไปโรงเรียนตอนอายุ 4 ขวบดูเหมือนจะเป็นช่วงที่ยาวนาน แต่จริงๆ แล้วไวมาก ผมค่อนข้างกังวลเล็กน้อย คิดว่าเขาจะเข้ากับคนอื่นได้ไหม และแน่นอนว่าเขาโอเคมาก เขารักการไปโรงเรียน เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆ ตอนนี้เอเลียตกำลังเริ่มเรียนอนุบาล 2 ส่วนเอสเม่จะเริ่มเข้าโรงเรียนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

 

มุมมองต่อโรคเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกันในสังคม

สกอตต์: ทั้งกังวลและไม่กังวลครับ กังวลเพราะว่าเมื่อเราได้เป็นพ่อคน คุณจะรู้สึกกังวลไปทุกอย่าง เด็กๆ แต่ละคนก็จะมีเหตุผลที่คุณต้องรู้สึกกังวลแตกต่างกัน แต่ส่วนที่ผมตอบว่าไม่กังวลเป็นเพราะที่นั่นเป็นโรงเรียนที่ดี เราหวังว่าสังคมที่นั่นจะเปลี่ยนแปลงและเปิดรับมากพอ

 

ไบรอัน: ผมคิดว่าสิ่งที่เรากังวลคือการยอมรับจากพวกคุณ คือความเข้าใจของพวกคุณเกี่ยวกับคู่รักเพศเดียวกันที่มีลูก เด็กๆ เหล่านั้นไม่ได้แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ แต่ผู้คนมักจะมองว่าพวกเขาแตกต่างและอาจไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ตอนอยู่ที่โรงเรียน พวกเขาจะต้องคอยตอบคำถามว่าทำไมหนูถึงมีพ่อ 2 คน ไม่มีแม่ ดังนั้นตัวคุณเองจะต้องเตรียมพร้อม รวมถึงเตรียมเด็กๆ ให้พร้อมกับสิ่งเหล่านั้นที่อาจจะเกิดขึ้น

 

อยากให้พวกเขาเติบโตขึ้นเป็นคนธรรมดาที่สมบูรณ์พร้อม มีครอบครัวมากมายที่ประกอบด้วยสมาชิกแตกต่างกัน พวกเขาอาจจะถูกบูลลี่ในบางเรื่องหรือถูกกลั่นแกล้งในบางสิ่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พวกเขามีพ่อ 2 คนหรือมีพ่อแม่ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศอื่นๆ แต่ผมคิดว่าไม่ว่าพ่อแม่จะเป็นคนรักเพศเดียวกันหรือคนรักต่างเพศ คุณจะต้องเตรียมตัวคุณเองให้พร้อมสำหรับความท้าทายต่างๆ ที่ลูกคุณอาจจะเผชิญเมื่ออยู่ที่โรงเรียน

 

สกอตต์: ในห้องเรียนของเอเลียต เราไม่ได้เป็นครอบครัวคู่รักเพศเดียวกันเพียงครอบครัวเดียว

 

ไบรอัน: ใช่ครับ ยังมีคู่รักเพศเดียวกันคู่อื่นอีก

 

ผมคิดว่าคุณครูเองก็จะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยในช่วงแรก เพราะลูกจะเรียกสกอตต์ว่า ‘แดดดี้’ และเรียกผมว่า ‘ปะป๊า’ เวลาคุณครูคุยกับเอเลียตและหันมาคุยกับผม ให้ไปถามแดดดี้นะ ลูกก็จะตอบว่าเขาไม่ใช่แดดดี้ ผมคิดว่าคุณครูก็คงจะคิดว่า อ้าว แล้วผู้ชายคนนี้เป็นใคร เอเลียตก็ตอบว่าเขาคือปะป๊า เขาจดจำคนในชื่อที่แตกต่างกัน ผมเป็นพ่อของเขาครับ คุณครูไม่ต้องกังวลครับ 

 

 

เมื่อคำถามว่า ‘แม่ไปไหน’ เกิดขึ้น

ไบรอัน: มีคำถามว่าแม่ของเขาอยู่ที่ไหนเกิดขึ้นแทบตลอดเวลา

 

สกอตต์: มีเรื่องที่ผมชอบมากเกี่ยวกับประเด็นนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ขณะที่ผมโดยสารเครื่องบินไปกับเอเลียต ตอนที่เขายังเด็กมากๆ ผมถูกผู้คนจำนวนมากถามขณะนั่งรอก่อนขึ้นเครื่อง เพราะเขายังเด็กมากๆ และดูไม่ปกติที่จะเห็นชายคนหนึ่งมาพร้อมกับเด็กทารกตัวเล็กๆ 

 

“แม่ของเขาไปไหน” เป็นคำถามพื้นฐานที่มักจะถูกถามบ่อยครั้ง ก่อนที่ผมจะตอบไปว่ามีแค่ผมครับ บลา บลา บลา ในเวลานั้นหลังจากที่ผมขึ้นเครื่องบิน มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ผม คำถามแรก หลังจากที่เธอจ้องมองดูเด็กและรู้สึกตกใจ เธอจึงถามว่า ‘แม่ของเด็กไปไหน’ ตอนนั้นผมรู้สึกเหนื่อยมาก และอาจจะเป็นเพราะเที่ยวบินล่าช้ากว่ากำหนดด้วย

 

ก่อนที่ผมตอบเธออย่างเสียงดังไปว่า “ไม่มีแม่ มีแค่ผม” พอเธอได้ยินว่าไม่มีแม่ ผู้หญิงคนนี้จึงคิดว่าภรรยาของผมเสียชีวิตแล้ว เธอเอาแต่อวยพรและขอโทษผม พร้อมกับบอกผมว่าทุกอย่างจะดีขึ้น เด็กคนนี้โชคดีมากๆ ภรรยาของคุณจะเฝ้ามองคุณ บลา บลา บลา เธออวยพรและให้กำลังใจผมอย่างน้อย 10 รอบได้ขณะที่นั่งอยู่บนเครื่อง ผมเองก็ไม่ได้บอกความจริงกับเธอว่าผมไม่ได้หมายความแบบนั้น

 

ไบรอัน: ผมคิดว่าสิ่งที่ดีเกี่ยวกับการเป็นพ่อที่เป็นเกย์คือคุณจะได้รับเครดิตทั้งหมดของการเลี้ยงดูลูก คุณไม่ใช่แม่หรือผู้หญิง เราได้รับความเข้าอกเข้าใจและความเห็นใจเป็นอย่างมากในที่สาธารณะ เหมือนกับคุณมีลูกๆ ถึง 3 คน คุณเป็นผู้ชาย และคุณก็สามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้ด้วยตัวคุณเอง 

 

 

สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายให้กับลูกๆ

ไบรอัน: จริงๆ เรามีหนังสือบางเล่มที่สอนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่ผมนำมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย บางเล่มก็ซื้อมาจากยุโรป เป็นหนังสือสำหรับเด็กที่นำเสนอภาพครอบครัวแบบพ่อพ่อ แม่แม่ รวมถึงมีหนังสือเกี่ยวกับเกย์ในเทพนิยายด้วย ผมอยากเห็นสื่อต่างๆ อย่างนี้เพิ่มขึ้น ถ้ามีศิลปินและนักเขียนสร้างแรงบันดาลใจที่ต้องการจะบอกเล่าเรื่องราวความหลากหลายในครอบครัว ผมว่านั่นจะเป็นเรื่องที่ดีมาก

 

 

การสนับสนุนสิทธิความหลากหลายทางเพศ

ไบรอัน: สิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก ผมคิดว่าในช่วงเวลานี้ไม่มีประเทศไหนที่จะเป็นเหมือนสรวงสรรค์หรือมีความเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกันเลย อย่างในสหราชอาณาจักรเอง แม้ว่าเราดูเหมือนจะเป็นประเทศที่ก้าวหน้าแล้วในประเด็นนี้ แต่เราก็ยังคงมีสิ่งที่จะต้องขับเคลื่อนอีกมาก โดยเฉพาะในเรื่องของทรานส์เจนเดอร์

 

ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่ทำให้คู่รักเพศเดียวกันอย่างคู่ของผมต่างไปจากคู่รักต่างเพศคู่อื่นๆ คือเรามีลูกๆ ด้วยกันถึง 3 คน เราไม่มีอะไรที่ต่างกันอีกเลย จริงๆ แล้วเรามีความกังวลเหมือนๆ กัน เราสนใจในประเด็นคล้ายๆ กันคือเราจะหาจุดสมดุลให้กับชีวิตของเราได้อย่างไร เราจะเลี้ยงดูลูกๆ อย่างไร เราจะทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าเราได้ดูแลและเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดีที่สุด

 

สกอตต์: ผมคิดว่าหนึ่งในสิ่งที่ง่ายที่สุดและยากที่สุดสำหรับ LGBTQ คือการที่คุณจะสามารถ Come Out และทำให้ผู้คนที่อยู่รอบตัวคุณเข้าใจว่านี่เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครบางคนอาจจะเป็นเกย์ เป็นทรานส์ เป็นไบ หรือเลสเบี้ยนก็ได้ ดังนั้นการที่คุณมีความพยายามและมีความกล้าที่จะ Come Out คือก้าวที่ยิ่งใหญ่ 

 

ส่วนที่ยากที่สุดสำหรับ LGBTQ อาจจะเป็นความกลัว ไม่กล้าที่จะลงมือทำ ผมหวังว่า ความกลัวเหล่านั้นจะลดน้อยลงแล้วในตอนนี้ จงกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าคุณก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่บางครั้งก็มีมุมน่าเบื่อ มีมุมน่าสนใจ มีคุณค่าที่จะได้รับความรักและส่งต่อความรักเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ แต่ถ้าคุณไม่ใช่ LGBTQ โปรดช่วยสนับสนุนให้การ Come Out ของพวกเขาที่อยู่รอบตัวคุณเป็นเรื่องง่าย เพื่อให้เขาไม่ต้องรู้สึกกลัวหรือหวาดหวั่น ให้พวกเขารู้สึกว่าจะไม่ถูกเลือกปฏิบัติหรือถูกปฏิเสธ ดังนั้นเมื่อมีใครสักคนใกล้ตัวคุณ Come Out โปรดบอกเขาว่าเรารักทุกสิ่งที่คุณเป็น และจงเดินหน้าต่อไป มันเป็นเพียงแค่บุคลิกลักษณะหนึ่งเท่านั้น

 

 

ความหวังต่อประเด็น LGBTQ ในอนาคต

สกอตต์: ผมหวังว่าความเท่าเทียมกันจะเป็นสิ่งที่พบเจอได้ง่ายมากขึ้นอีก ไม่เพียงแต่ความเท่าเทียมกันทางเพศของกลุ่ม LGBTQ แต่ยังรวมถึงความเท่าเทียมกันในเรื่องทั่วๆ ไป ผมหวังว่าผู้คนจะได้รับโอกาสเพิ่มมากขึ้นและได้รับการสนับสนุน ผมหวังว่าในอนาคตจะมีพื้นที่ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนเพิ่มมากขึ้น เป็นพื้นที่ที่ผู้คนกล้าที่จะเป็นตัวเอง มองเห็นการ Come Out ของคนอื่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา และพร้อมที่จะสนับสนุนพวกเขา

 

ไบรอัน: ผมหวังว่าในอนาคตพวกเราจะไม่ต้องมานั่งสัมภาษณ์เพียงเพราะเราเป็นคู่รักเพศเดียวกัน แต่มันควรเป็นเรื่องปกติธรรมดา รวมถึงการยอมรับว่าเรามีสมาชิกครอบครัวที่แตกต่างหลากหลาย เด็กๆ ที่กำลังไปโรงเรียน ประเด็นคำถามที่ว่าพ่อแม่ของคุณเป็นใคร มีรสนิยมหรืออัตลักษณ์ทางเพศแบบไหน ไม่ควรจะเป็นประเด็นใหญ่สำหรับพวกเขา ผมคิดว่านั่นจะเป็นอนาคตที่ดียิ่งขึ้น เคารพซึ่งกันและกัน ยอมรับว่าเราต่างก็แชร์พื้นที่ร่วมกัน ดังนั้นเราควรมีสิทธิและโอกาสเท่าเทียมกันที่เราจะได้เป็นตัวของตัวเอง และพัฒนาศักยภาพและความสามารถของพวกเราให้ถึงขีดสุด

 

 

พลังใจที่อยากจะส่งต่อ

สกอตต์: ผมหวังว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดามากขึ้น เป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ผมหวังว่าท้ายที่สุดสังคม LGBTQ จะมีสิทธิเท่าเทียมกัน และมีส่วนรับผิดชอบเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ในสังคม

 

ไบรอัน: ผมไม่เคยคิดว่าเรื่องราวของเราจะมีอะไรที่สร้างแรงบันดาลใจได้เลย เราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในแบบฉบับของพวกเรามากกว่าที่จะให้ใครบอกว่าอะไรคือสิ่งที่เราทำได้ อะไรทำไม่ได้ สิ่งที่อยากจะบอกคือจงมุ่งมั่นขึ้น จงกล้าหาญขึ้น มันจะเป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นแน่นอน ไม่ว่าคุณตัดสินใจที่จะมีลูกหรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าคุณอยากจะมีลูกก็จงทุ่มให้สุดตัว 

 

จงเป็นต้นแบบให้กับตัวคุณเอง

 

 

#LGBTQLoveAndFamily #TheStandardLGBTQ #InclusiveDiversity #EqualMarriage #สมรสเท่าเทียม

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising