×

แข่งกับใครก็ไม่ได้ แถมยังขาดทุนอย่างหนัก 1.4 แสนล้านในช่วง 6 ปี ทำให้ LG ตัดสินใจปิดฉากธุรกิจ ‘สมาร์ทโฟน’ เรียบร้อยแล้ว

05.04.2021
  • LOADING...
แข่งกับใครก็ไม่ได้ แถมยังขาดทุนอย่างหนัก 1.4 แสนล้านในช่วง 6 ปี ทำให้ LG ตัดสินใจปิดฉากธุรกิจ ‘สมาร์ทโฟน’ เรียบร้อยแล้ว

จากที่ครั้งหนึ่งเคยพอฟัดพอเหวี่ยงกับแบรนด์ในบ้านเกิดเดียวกันอย่าง Samsung แต่มาวันนี้ตัวเลขที่ขาดทุนมหาศาล ตลอดจนความล้มเหลวในการติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด ทำให้ LG Electronics ตัดสินใจปิดฉากธุรกิจ ‘สมาร์ทโฟน’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ LG ต้องยุติธุรกิจสมาร์ทโฟนมาจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานมากกว่า 5 ล้านล้านวอน หรือราว 1.4 แสนล้านบาท ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา

 

“ด้วยการยุติธุรกิจ Mobile Communications ยอดขายของเราอาจลดลงในระยะสั้น แต่เราคาดว่าจะช่วยปรับปรุงพอร์ตธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินของเราในระยะกลางและระยะยาว” LG กล่าวในแถลงการณ์ โดยการปิดฉากธุรกิจสมาร์ทโฟนนี้จะทำให้ LG มุ่งเน้นไปที่แผนกเครื่องใช้ในบ้านและทีวีที่ทำกำไรได้มากกว่า

 

โทรศัพท์ที่มีอยู่จะยังคงวางจำหน่ายต่อไป และ LG กล่าวว่าจะยังคงสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของตนต่อไป ‘ในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค’ โดย LG ยังไม่ได้เผยอะไรเกี่ยวกับการปลดพนักงานที่อาจเกิดขึ้น ยกเว้นแต่คำกล่าวที่ว่า ‘รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานจะถูกกำหนดในระดับท้องถิ่น’ ซึ่งคาดว่าการปิดกิจการจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมปีนี้

 

การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้น 3 เดือนหลังจาก Brian Kwon ซีอีโอของ LG กล่าวในบันทึกภายในที่ส่งถึงพนักงานว่า บริษัทเปิดกว้างสำหรับตัวเลือกทั้งหมดสำหรับธุรกิจ Mobile Communications ซึ่งมีความหมายเป็นนัยว่าจะถอนตัวจากธุรกิจสมาร์ทโฟน

 

แม้ว่า LG จะมีจุดแข็งมากมายสำหรับธุรกิจในเครือ ทั้งเครื่องไฟฟ้าใช้ในบ้าน เช่น เครื่องซักผ้าและตู้เย็น ที่เป็นผู้นำตลอดมาอย่างยาวนาน ตลอดจนโทรทัศน์และแบตเตอรี่ แต่สำหรับ ‘สมาร์ทโฟน’ กลับไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ LG จะได้ตั้งความหวังว่าจะทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนทำกำไรได้ในปี 2021 ก็ตาม

 

สิ่งที่ LG แตกต่างจาก Samsung Electronics คู่แข่งในบ้านเกิดเดียวกันคือเรื่องของ ‘อุปกรณ์ชิป’ ที่ยังต้องพึ่งพาการสนับสนุนด้านเทคนิคและทรัพยากรจากผู้พัฒนาโปรเซสเซอร์มือถือ เช่น Qualcomm ในขณะที่สมาร์ทโฟน Samsung ที่มีขนาดใหญ่และมีความหลากหลายมากขึ้น Samsung ยังได้เปรียบจากการผลิตชิ้นส่วนของสมาร์ทโฟนด้วยตัวเองอย่างจอแสดงผลขั้นสูงและชิปหน่วยความจำ

 

เกมในตลาดไฮเอนด์ก็แพ้ Samsung ในขณะโทรศัพท์มือถือราคาประหยัดกว่านั้นต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งชาวจีน ทั้ง Xiaomi, Oppo และ Vivo นอกจากนี้ LG ยังล้มเหลวในการรับมือกับกระแสความเปลี่ยนแปลง บริษัทติดอยู่กับฟีเจอร์โฟนในช่วงปลายยุค 2000 แม้ว่า Apple จะเปิดตัว iPhone ในปี 2007 ซึ่งถือเป็นยุคของสมาร์ทโฟนแล้วก็ตาม

 

ครั้งหนึ่ง LG เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลกในช่วงต้นและกลางปี ​​2000 รองจาก Nokia และ Samsung อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 ส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของ LG อยู่ที่ 1.91% เท่านั้น ตามข้อมูลของ Counterpoint

 

ภาพ: Joan Cros Garcia /  Getty Images

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising