×

ถอดบทเรียนโลกการทำงานจาก The Face Men Thailand Ep. 9 (23 ก.ย. 2560)

24.09.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • ต้องยอมรับและกราบเมนเทอร์ลูกเกดเลยว่า ตลอดทุกซีซันที่ผ่านมา เป็นเมนเทอร์ที่ใช้วิธีการทำงานแบบไม่ปล่อยให้ลูกทีมเคว้งหรือรู้สึกเดียวดาย แต่จะทำงานอย่างใกล้ชิดชนิดที่รู้สึกว่า ‘แม่อยู่นี่’ อยู่ตลอดเวลา
  • ช่วงสารภาพความในใจกับเมนเทอร์เป็นช่วงที่น่าประทับใจที่สุดของ Ep. นี้ เพราะเราได้เห็นเลยว่า ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนเติบโตขึ้นและมีทัศนคติที่ดีมาก
  • กันน์พยายามมาก ใจสู้มาก เขาเป็นคนที่ฝีมืออาจจะไม่เท่าคนอื่น แต่ใจนักสู้ของเขายิ่งใหญ่กว่าคนอื่นมาก ขนาดเมนเทอร์ลูกเกดและเมนเทอร์หมูยังชมว่าผู้ชายคนนี้แน่จริงๆ รักมาก และดีใจมากที่เก็บเขาไว้ทั้งๆ ที่เข้าไปห้องเชือดตั้ง 4 ครั้ง

* คำเตือน บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหารายการ

 

     The Face Men Thailand สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์ที่บีบหัวใจที่สุด เพราะเมนเทอร์ต้องเลือกลูกทีมตัวเองเข้าสู่ไฟนอลวอล์ก และต้องมีอีกหลายคนที่ต้องกลับบ้าน ยิ่งตอนที่แต่ละคนมาพูดความในใจให้เมนเทอร์ตัวเองฟังยิ่งขนลุกจุกจนน้ำตาจะไหลตาม เพราะด้วยถ้อยคำเรียบง่าย ซื่อๆ ตรงๆ แต่โคตรจริงใจตามภาษาผู้ชาย เวลาพูดความรู้สึกออกมาทีมันกินใจมาก นี่สิ ‘น้อยแต่มาก’ ของจริง

     ผ่านมา 9 Ep. แล้ว ลูกทีมแต่ละคนต่างก็เก่งขึ้น เช่นเดียวกับเมนเทอร์เองก็พัฒนาขึ้นไปในทุกสัปดาห์ มีบทเรียนโลกการทำงานมากมายที่ซ่อนอยู่ให้เราได้เรียนรู้กันทุกครั้ง นี่ไม่ใช่แค่เกมสนุกๆ แต่มันคือบทเรียนชั้นดีที่เราสามารถเอาไปใช้พัฒนาตัวเองได้ เหมือนเราได้เก่งขึ้นไปพร้อมกับทุกคนในรายการ

     สัปดาห์นี้ #ทีมพีช #ทีมหมู #ทีมลูกเกด จะได้เรียนรู้อะไรในโลกการทำงานกันบ้าง มาดูกันครับ

 

พี่อยู่นี่แล้ว

     กราบใจของคุณแม่เกดเลย ที่ตั้งแต่ตอนรับบรีฟจากลูกค้าก็เป็นคนเดียวที่ลงไปลองโหนเชือกเอง เพราะลูกทีมจะไม่มีโอกาสได้ลองโหนเชือกก่อนเลย มาถึงก็ต้องถ่ายเลย แถมมีเวลาแค่ 4 นาที พอเมนเทอร์เกดลองโหนด้วยตัวเองก็จะรู้ว่ามันยากแค่ไหน จะต้องจัดการกับเชือกอย่างไร ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับลูกทีมด้วย เพราะลูกทีมไม่มีโอกาสได้ซ้อมก่อนเลย

     ยิ่งกว่านั้น เมนเทอร์ลูกเกดเป็นเมนเทอร์คนเดียวที่ลงไปอยู่ในน้ำกับลูกทีม (เอาชุดว่ายน้ำมาตอนไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) ไม่ได้แค่ยืนอยู่ที่ฝั่งแล้วสั่งการ เมนเทอร์ลูกเกดให้เหตุผลว่า รู้เลยว่าปล่อยให้เด็กทำเองไม่ได้ ต้องไปอยู่ด้วยตรงนั้น และออกแบบวิธีการทำงานแบบใหม่ให้ลูกทีมโฟกัสที่การโหนเชือก ส่วนตัวเธอจะโยนขวดผลิตภัณฑ์ของลูกค้าเข้าเฟรมเอง (เผลอปาโดนหน้าลูกทีมบ้างก็มี) เพราะทั้งถือผลิตภัณฑ์เข้าฉาก โหนเชือก และต้องจัดการกับร่างกายตัวเองให้อยู่ในการเคลื่อนไหวที่สวยอีกในเวลาเดียวกันอาจจะยากเกินไปสำหรับลูกทีมในเวลาที่บีบคั้นขนาดนี้ เพราะฉะนั้นเธอจะเป็นคนโยนขวดให้ได้อย่างที่ใจต้องการเอง

     ในขณะเดียวกัน ไปยืนอยู่ข้างลูกทีมตรงนั้นก็ยังช่วยบอกได้ว่าลูกทีมต้องโหนอย่างไร และในทางจิตวิทยาก็ให้ความรู้สึกกับลูกทีมว่า ‘แม่อยู่นี่ เราอยู่ในสนามรบด้วยกัน เราสู้ไปด้วยกัน ลูกเปียก แม่ก็เปียก’ จุดนี้น่าจะเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับทีมได้ ซึ่งต้องยอมรับและกราบเมนเทอร์ลูกเกดเลยว่า ตลอดทุกซีซันที่ผ่านมา เป็นเมนเทอร์ที่ใช้วิธีการทำงานแบบไม่ปล่อยให้ลูกทีมเคว้งหรือรู้สึกเดียวดาย แต่จะทำงานอย่างใกล้ชิดชนิดที่รู้สึกว่า ‘แม่อยู่นี่’ อยู่ตลอดเวลา

 

 

     จริงอยู่ว่า การโยนขวดเข้าเฟรมเองโดยไม่ต้องให้ลูกทีมถือเป็นวิธีการที่สร้างสรรค์ แก้ปัญหาหลุดจากกรอบ แต่ลงมือทำจริงก็ทำได้ยากมาก แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เมื่อออกแบบวิธีการทำงานให้เป็นแบบการโยนขวดเข้าเฟรมแล้ว เมนเทอร์จัดการกับวิธีการนี้อย่างไร มันคือเมนเทอร์ลงไปจัดการสิ่งนี้ด้วยตัวเอง โยนเอง รู้จังหวะเอง ได้อย่างที่ใจต้องการ และที่น่าสนใจคือ นอกจากจะโยนขวดเองแล้ว ตอนที่ฟิลลิปส์กำลังถ่ายอยู่ ยังมีมอสเป็นคนช่วยวักน้ำให้กระจาย เป็นการใช้พลังของลูกทีมทุกคนให้เป็นประโยชน์ ไม่ได้ปล่อยให้ยืนดูอยู่เฉยๆ ทุกคนช่วยกันเป็นทีม มีหน้าที่ทุกคน

     ซึ่งถ้าวิเคราะห์ดูแล้ว เป็นไปได้ว่าเมนเทอร์ลูกเกดรู้ว่า ตรงหน้าเซต พี่ณัฐ ประกอบสันติสุข คือคนบอกอยู่แล้วว่ารูปไหนจะสวยตรงใจช่างภาพ เพราะฉะนั้น เธออาจจะไม่จำเป็นต้องไปดูหน้ามอนิเตอร์ เลยเลือกอยู่ในจุดที่เป็นคนฟังพี่ณัฐ แล้วมาสื่อสารกับลูกทีมเองว่าพี่ณัฐต้องการรูปแบบไหน พร้อมกับเป็นคนโยนขวดเข้าเฟรม กำกับการโหนเชือกอยู่ข้างลูกทีม ให้กำลังใจลูกทีมข้างๆ จัดการกับการกระจายของน้ำให้สวยแทน เป็นวิธีการทำงานที่น่าสนใจอีกแบบ

     ในโลกการทำงานก็เหมือนกันครับ คนเป็นหัวหน้าต้องรู้ว่าเมื่อไรจะปล่อยหรือไม่ปล่อยลูกน้อง ต่อให้ลูกน้องโตแล้วก็ตาม แต่ถ้าเขากำลังเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ อย่างไรเขาก็ต้องการหัวหน้าอยู่ใกล้ๆ หรือให้คำปรึกษาได้ ดูจนมั่นใจก่อนว่าเขาทำได้จริงๆ ให้ความเชื่อมั่นกับเขา แล้วถึงปล่อยให้เขาทำงานได้ โดยเฉพาะกับลูกน้องใหม่หรือลูกน้องจูเนียร์ ช่วง 6 เดือนแรกหรืออาจจะปีแรกทั้งปีหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ เราต้องทำงานประกบเขาตลอดเวลา อย่าเพิ่งคิดว่าปล่อยได้แล้ว อย่างไรก็ต้องให้ผ่านสายตาเรา แล้วค่อยประเมินเป็นอย่างๆ ไปว่าอันไหนดีแล้วถึงปล่อยได้ แต่ก็ต้องให้เราตรวจก่อนอยู่ดี ต้องทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยว แต่มีหัวหน้าคอยดูแลอยู่ ไม่ทิ้งกัน อย่าให้เขารู้สึกว่าโดนทิ้งให้ทำงานคนเดียว

     ไม่เพียงแต่เพื่อให้ลูกน้องทำงานได้ดีนะครับ แต่ยังเป็นการให้เวลากับตัวหัวหน้าเองในการปรับตัวเข้ากับลูกน้อง การทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดจะทำให้เราค่อยๆ ค้นพบวิธีการทำงานกับลูกน้อง การทำงานกับลูกน้องคือการทดลองว่าใช้วิธีไหนแล้วจะเวิร์กหรือไม่เวิร์ก ลูกน้องเปลี่ยน วิธีการที่เราจะทำงานกับเขาก็ต้องเปลี่ยน พวกนี้เราถึงต้องใช้เวลาอยู่กับเขา อย่าเพิ่งรีบปล่อยให้เขาทำงานเองครับ เอาจนเรามั่นใจ เวลาปล่อยก็ไม่ใช่ว่าปล่อยแล้วปล่อยเลยนะครับ เราต้องทำให้เขารู้สึกว่าเรายังอยู่กับเขาเสมอ หรือเวลาปล่อยก็ค่อยๆ ปล่อยทีละจุด เป็นการทดลองสนามก่อนว่าสนามนี้ลูกน้องเราทำได้หรือเปล่า

     ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องให้โอกาสและให้ความศรัทธาในตัวเขา เราต้องเป็นผู้ให้สิ่งนี้ก่อนโดยที่เขาไม่ได้เรียกร้อง แล้วเขาจะให้ศรัทธากับเรากลับ

 


ทีมมาก่อน
     ช่วงสารภาพความในใจกับเมนเทอร์เป็นช่วงที่น่าประทับใจที่สุดของ Ep. นี้ เพราะเราได้เห็นเลยว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนเติบโตขึ้นและมีทัศนคติที่ดีมาก

     เติร์ทบอกว่าจะไม่เสียใจเลยถ้าเมนเทอร์หมูเลือกเพื่อนๆ ของเขา ขอให้ได้ตัวแทนที่ไปสู้ต่อก็พอ กันน์บอกว่าเขารู้ตัวดีว่าเมนเทอร์พีชเลือกใคร สำหรับเขานั้นไม่เสียใจเลย เพราะได้เข้ามาแข่งขันแล้วได้เรียนรู้ขนาดนี้ก็ดีมาก และถ้าจะมีคนอื่นในทีมได้ไปต่อเพื่อเป็นผู้ชนะก็คือชัยชนะของทีมทั้งหมด กันน์ไม่ได้มองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ทำเพื่อชัยชนะของตัวเองเลย แต่มองไปถึงชัยชนะของทีม ฟิลลิปส์และมอสเองก็พูดได้ซาบซึ้งมากว่า ไม่อยากให้เมนเทอร์ลูกเกดลำบากใจ ขอให้เลือกตามหัวใจเลย อย่างไรก็ไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน เพราะเราคือทีมเดียวกัน

 

Photo: @TheFaceThailand /Twitter

 

     เมนเทอร์ทุกคนเมื่อต้องเลือกลูกทีมก็กล่าวขอโทษทุกคนที่ต้องเลือกได้เพียงคนเดียว ทุกคนแคร์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน จนเรารู้สึกว่า เออว่ะ เขารักกันจริงๆ
     
​สำหรับผม นี่เป็นทัศนคติที่ดีมาก มันคือการมองข้ามตัวเองแล้วคิดถึงเป้าหมายเดียวกันหมดคือชัยชนะของทีม ไม่มีใครอิจฉาใคร ไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความรู้สึกโกรธหรือน้อยใจที่ตัวเองไม่ได้ถูกเลือก ทุกคนสู้ไปด้วยกันหมด ถ้าใครคนหนึ่งชนะก็เหมือนชนะด้วยกันทั้งทีม คนที่ได้ไปต่อจึงไม่ใช่แค่สู้เพื่อตัวเอง แต่ตอนนี้เขากำลังสู้เพื่อทุกคนในทีม ไม่มีใครถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังเลย เพราะทุกคนส่งใจมาให้เหมือนไม่ได้แข่งอยู่คนเดียว แต่เหมือนมีทั้งทีมรวมอยู่ในคนคนเดียว นี่สิ เจ๋งจริง

     ทีมที่แข็งแรงจะเป็นแบบนี้ครับ เราจะเอาความรู้สึกส่วนตัวไว้ทีหลัง เราจะเห็นใจคนอื่นก่อน เหมือนที่ลูกทีมเห็นใจเมนเทอร์ว่าไม่อยากให้ลำบากใจ เมนเทอร์ก็เห็นใจลูกทีมว่าไม่อยากให้เสียใจ เรามองข้ามตัวเองไปก่อน ในขณะเดียวกันทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ทำอย่างไรให้ทีมชนะ แม้ว่าในชัยชนะนั้นอาจเป็นการที่เราต้องยอมเสียสละบางอย่างไป แต่ก็พร้อมจะยินดีกับการตัดสินใจเพื่อทำให้ทีมไปถึงเป้าหมายได้

     เห็นแบบนี้แล้วคงมีกำลังใจที่จะกลับไปสร้างทีมของตัวเองให้แข็งแกร่งและรักกันมากแบบนี้นะครับ

 

 

ไม่ยอมแพ้ก็คือไม่แพ้แล้ว
     ตลอดทุกสัปดาห์กันน์ต้องเป็นคนที่เข้าห้องเชือดตลอด แต่เขาก็รอดมาได้ด้วยการทำให้เห็นว่าตัวเองพยายามมากกว่าคนอื่นแค่ไหน สัปดาห์นี้ก็เช่นกัน ตลอดการแข่งขัน 4 นาที เรารู้สึกได้เลยว่ากันน์พยายามมาก ใจสู้มาก เขาเป็นคนที่ฝีมืออาจจะไม่เท่าคนอื่น แต่ใจนักสู้ของเขายิ่งใหญ่กว่าคนอื่นมาก ขนาดเมนเทอร์ลูกเกดและเมนเทอร์หมูยังชมว่าผู้ชายคนนี้แน่จริงๆ รักมาก และดีใจมากที่เก็บเขาไว้ทั้งๆ ที่เข้าไปห้องเชือดตั้ง 4 ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ออกมาก็มีพัฒนาการ และที่สำคัญเขาไม่เคยวางตัวเองในฐานะคนที่ด้อยที่สุดหรืออ่อนแอที่สุดเลย ไม่มีครั้งไหนที่เราจะเห็นกันน์ถอดใจ ซึ่งเอาจริงๆ สิ่งที่เขาต้องต่อสู้ในใจมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ตั้งแต่การเป็นคนที่เก่งน้อยกว่าคนอื่น การไม่อยู่ใน Type ของผู้ชายหล่อแบบที่จะขายได้ง่ายๆ ในสายตาลูกค้า การถูกเมนเทอร์พีชส่งเข้าห้องเชือดตลอดต่อให้ทำดีแค่ไหนก็ตาม การที่รู้ตัวเองอยู่เต็มอกว่ายังไงเขาก็ต้องไม่ถูกเลือก ฯลฯ ทั้งหมดนี้มันง่ายมากที่จะโค่นความพยายามของเขาได้ลง หรือทำให้เขารู้สึกว่าพยายามต่อไปก็ไม่มีความหมายอยู่ดี แต่ไม่มีแคมเปญไหนเลยที่เขาไม่พยายามหรือถอดใจไม่สู้

 

 

     สำหรับเรา การที่กันน์ไม่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนทีมพีชไม่ได้ทำให้เขาอยู่ในสถานะคนแพ้เลย แต่สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดทำให้เขาเป็นผู้ชนะบนเส้นทางของตัวเอง
​ขออุทิศพื้นที่ตรงนี้เชิดชูเกียรติให้กันน์เลยครับ นายโคตรแน่จริงๆ นับถือเลย

     นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ บางทีเวลาเราทำงาน เราจะเจออุปสรรคมากมาย เราอาจจะอยู่ในสถานะที่เก่งสู้คนอื่นไม่ได้ ถูกดูแคลนว่าไม่เก่ง ไม่ใช่คนโปรดของหัวหน้า หรือทำดีแค่ไหนก็ไม่ได้ดีสักที ขอให้รู้ว่า มีแต่ความพยายามและใจที่เป็นนักสู้เท่านั้นที่ทำให้เรา Survive ได้ ใครจะว่าอย่างไร แต่เขาจะว่าเราไม่ได้เลยว่าเราไม่พยายาม และวันหนึ่งที่เราพยายามได้มากพอ ดอกผลของความพยายามจะทำให้เรามีที่ทางของตัวเองที่แม้กระทั่งคนที่เคยปรามาสดูถูกเราก็ยังต้องชื่นชมในหัวใจนักสู้ของเรา

     สู้จนทำให้คนที่เคยดูถูกเราหรือปฏิเสธเรามานับถือเราได้นี่สุดยอดแล้วครับ  

     สัปดาห์หน้าใครจะได้เป็น The Face Men Thailand เดี๋ยวมาลุ้นกัน!

 

Cover Photo: @gunnswis_addict /Twitter

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising