หากคุณรู้ว่าต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการเดินเพื่อเผาผลาญแคลอรีของพิซซ่าที่หม่ำเข้าไป หรือต้องวิ่งสัก 1 ชั่วโมงเพื่อเผาผลาญครึ่งหนึ่งของชาไข่มุกที่ดื่มไปเมื่อวาน คุณจะบริโภคสิ่งเหล่านั้นน้อยลงหรือไม่?
ผลการศึกษาชี้ไปว่า ‘ใช่’
จากการศึกษาของนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยลัฟบะระในประเทศอังกฤษ ที่ทำการศึกษาผลงานวิจัยถึง 14 ชิ้น การระบุเรื่องต้องออกแรงมากแค่ไหนในการเผาผลาญแคลอรีบนผลิตภัณฑ์ สามารถช่วยลดจำนวนแคลอรีที่นำเข้าในร่างกายได้ราว 200 แคลอรีในแต่ละวัน
ฟังดูเหมือนจะไม่มาก แต่ในวารสารด้านโรคระบาดวิทยาและอนามัยชุมชน (Journal of Epidemiology and Community Health) ของสหราชอาณาจักร ระบุว่าสิ่งนี้สามารถช่วยป้องกันคนจากการเป็นโรคเบาหวานได้ทั่วประเทศ
หัวหน้าทีมวิจัย ศาสตราจารย์อแมนดา ดาลีย์ (Amanda Daley) เผยว่า “เราสนใจเรื่องการนำเสนอวิธีต่างๆ ที่ช่วยให้คนทั่วไปตัดสินใจได้ดีขึ้นเรื่องการกิน และพยายามชวนสร้างกิจกรรมสร้างความแอ็กทีฟด้วย”
การติดฉลากอาหารในหมวดว่าต้องออกกำลังกายเท่าใดจึงเผาผลาญหมดนี้ สามารถช่วยให้คนเข้าใจว่าพวกเขากำลังบริโภคพลังงานเข้าไปเท่าไร และกระตุ้นให้ใส่ใจและเลือกรับประทานกันมากขึ้น
ศาสตราจารย์ดาลีย์ยังบอกอีกว่า วิธีนี้จะทำให้ผู้คนถึงกับอึ้ง หลังจากรู้ว่าต้องออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหนหากคิดจะรับประทานขนมโปรดนั้นๆ “เพราะเรารู้ว่าคนส่วนมากคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่กำลังหยิบเข้าปากนั้นแท้จริงแล้วมีแคลอรีมากแค่ไหน และพวกเขามักประเมินจำนวนแคลอรีที่บริโภคต่อวันกันน้อยเกินไป” เธอเสริม
“ถ้าคุณซื้อมัฟฟินช็อกโกแลตที่มี 500 แคลอรี คุณอาจต้องวิ่งเป็นเวลา 50 นาทีเป็นต้น”
ศาสตราจารย์ยังอธิบายอีกว่า วิธีนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการไดเอต แต่เป็นการสอนผู้คนในการบริโภคอาหาร ว่าคุณต้องจ่ายค่าแรงตัวเองในสิ่งที่กินเข้าไปเท่าไรบ้าง เพื่อให้ฉุกคิดว่าคุณอยากจะไปว่ายน้ำสักสองชั่วโมงหลังจากสวาปามมาม่าคู่กับเบียร์หน้าทีวีเมื่อคืนไหม และมันคุ้มค่ากันหรือไม่
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ราชสมาคมเพื่อการสาธารณสุขของอังกฤษสนใจและตั้งใจจะนำการแปะฉลากนี้มาใช้ให้เร็วที่สุด โดยมองว่าผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยน่าจะยินดีกับการแปะฉลากดังกล่าว
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริโภคพลังงานที่มากเกินไปจนน้ำหนักเกิน” ศาสตราจารย์กล่าว และเธอหวังว่าเครือบริษัทยักษ์ใหญ่จะเปิดรับวิธีการที่ว่าเพื่อช่วยคนให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และห่างไกลโรคเบาหวาน
อ่านเรื่อง ผลการศึกษาชี้ ออกกำลังก่อนอาหารเช้า เบิร์นไขมันได้มากกว่า ได้ที่นี่
ภาพ: Shutterstock
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: