Revolucion ร้านค็อกเทลบาร์บรรยากาศร้อนแรงในซอยสาทร 10 ได้ขยับขยายอาณาจักรอาหารและเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นไปที่ชั้น 2 ออกมาเป็นร้านอาหารเม็กซิกันต้นตำรับ La Lupita (ลา ลูปิต้า) ที่ให้ฝากท้องและยังสนุกสนานไม่แพ้บาร์รุ่นพี่ด้านล่าง
The Vibe
La Lupita ร้านอาหารเม็กซิกันในบรรยากาศกึ่งสตรีทกึ่งแคชวล เราได้ยินเพลงลาตินตั้งแต่เดินขึ้นบันได ภาพวาดสีสันสดใสได้รับการจัดวางสลับกับของตกแต่งสไตล์เม็กซิกัน ผนังสังกะสีและโต๊ะเก้าอี้ไม้ชวนนึกถึงสภาพบ้านเมืองประเทศในแถบลาตินอเมริกา โต๊ะกลางร้านมีหัวกะโหลกเพนต์สีสันสดใสสไตล์ Dia de los Muertos วางสลับไปกับเหล้าท้องถิ่นของเม็กซิโก ขยับเข้าไปเป็นครัวเปิดหน้ายาวแบบด้านชนด้าน ทำให้การนั่งรออาหารดูไม่น่าเบื่อ เพราะเราได้เห็นการทำกัวคาโมเลไปจนถึงการย่างเนื้อ และกลิ่นเครื่องเทศที่ลอยเตะจมูกเป็นระยะก็ยิ่งทำให้การรอคอยอาหารดูสั้นลงกว่าที่คิด
เชฟเซอร์ฮิโอ คนซ้าย และ Calavera ค็อกเทลจากเตกีลาในแก้วหัวกะโหลกทัดดอกไม้
เซอร์ฮิโอ เวลาซเกซ (Sergio Velazquez) เชฟใหญ่ประจำร้าน ผู้พกพาความมั่นใจในรสชาติเม็กซิกันและลาตินอย่างเต็มเปี่ยม ได้เล่าถึงเรื่องราวอาหารเม็กซิกันที่มีบางอย่างคล้ายคลึงกับอาหารไทย โดยเฉพาะในด้านรสชาติจัดจ้าน นำเสนอวัตถุดิบสดใหม่ และความเรียบง่ายของหน้าตาอาหาร เชฟเห็นว่า อาหารไทยและเม็กซิกันมีการใส่พริกและพริกไทย แต่ต่างกันที่พันธุ์พริก กลิ่น และความเผ็ดร้อน สำหรับพริกที่ชาวเม็กซิกันนิยมใช้จะมีน้ำมันในตัวพริกมากกว่า และรสชาติที่เผ็ดแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนอะโวคาโดก็เป็นเหมือนผลไม้ประจำชาติไม่แพ้ข้าวโพด โดยนำมาทำอาหาร ทำของหวาน ตลอดจนเครื่องดื่มได้หลากหลาย และหากถามว่า คนเม็กซิกันรับประทานอะไรแทบจะทุกมื้อ คำตอบก็คงเป็นกัวคาโมเลอย่างแน่นอน
หนวดหมึกยักษ์หมักพริกแห้งย่าง
The Dishes
เชฟเซอร์ฮิโอแนะนำให้ใครก็ตามที่มากินสั่ง Guacamole (260 บาท) เพราะสิ่งนี้คือของกินที่ขาดไม่ได้ จะกินแบบเล่นๆ หรือเคียงกับจานไหนก็เข้ากันหมด แถมยังช่วยตัดรสเผ็ดร้อนจากอาหารบางจานอีกด้วย กัวคาโมเลของร้านนำเข้าจากเม็กซิโกเท่านั้น เพื่อให้ได้รสชาติและสัมผัสแบบเดียวกับที่คนเม็กซิกันกิน จากนั้นนำมาคลุกเคล้าในครกหลุมหินลาวาที่เชฟอุตส่าห์แบกมาจากเม็กซิโก ใส่หอมใหญ่ ผักชี พริกฮาลาปิญโญ มะนาว และเกลือ และยังทำสดใหม่ทุกออร์เดอร์ กัวคาโมเลนี้จะเสิร์ฟมาพร้อมแผ่นแป้ตอร์ติญา ซึ่งเชฟและทีมร่วมกันทำ โดยใช้เครื่องอัดแป้งให้เป็นแผ่นบาง ซึ่งเชฟนำมาจากเม็กซิโกเช่นกัน
ถ้ากัวคาโมเลยังไม่พอ ลองสั่ง Chilaquiles (150 บาท) เมนูที่ชาวเม็กซิกันชอบกินหลังสร่างเมา ประกอบด้วยนาโชส์ราดเรดซอส โปะชีสร้อนๆ ราดด้วยหอมใหญ่ ผักชี และถั่ว
Chilaquiles เมนูสร่างเมาของชนเม็กซิกัน โปะชีสร้อนๆ และกัวคาโมเล ของกินตำรับเม็กซิกันที่ขาดไม่ได้
ต่อที่เมนูหนักขึ้นอีกหน่อย กับหมึกยักษ์ย่าง Pulpo Chingón (410 บาท) เชฟนำหนวดหมึกยักษ์หมักพริกแห้ง ย่างในเตา 6-7 นาที เพิ่มรสชาติด้วย Guasacaca ซัลซา ซอสสีเขียวสไตล์เวเนซุเอลาที่ทำจากอะโวคาโด และเพิ่มความเผ็ดร้อนขึ้นอีกระดับด้วยพริกเม็กซิกัน
สำหรับใครที่ถามหารสคุ้นลิ้น เราแนะให้ลอง Ceviche Acapulco (220 บาท) ยำปลาดิบแบบเม็กซิกัน เชฟใช้ปลากะพงสดไปหมักมะนาว เกลือ พริกไทยดำ และผักสมุนไพร เป็นเวลา 4 ชั่วโมง จนรสชาติจากเครื่องปรุงซึมเข้าเนื้อ ก่อนที่จะเสิร์ฟกับมะเขือเทศและแตงกวาหั่นเต๋า เพิ่มลูกเล่นรสชาติไทยๆ ด้วยสับปะรดหวานฉ่ำ สดชื่นสไตล์เขตร้อน
Arepas ขนมปังข้าวโพดอบ และ Taco de Saudero ทาโก้สอดไส้เนื้อวัวนุ่มๆ กับซอสรสเผ็ดหวาน
แน่นอนว่า มาร้านเม็กซิกันก็ต้องสั่งทาโก้ ซึ่งถือเป็นสตรีทฟู้ดประจำชาติ Taco de Saudero (100 บาทต่อชิ้น) ทาโก้สอดไส้เนื้อวัวผ่านการกงฟีนุ่มๆ กับเรดซอสรสเผ็ดหวาน กัวคาโมเล หอมใหญ่ และผักชี นอกจากนี้ยังมีขนมปังอบแบบลาตินอเมริกาที่หากินได้ยาก Arepas (220 บาท) ขนมปังข้าวโพดอบร้อน 3 ชิ้น มีไส้ไก่ เนื้อ และข้าวโพด
อิ่มก่อนกลับบ้านด้วยขนมหวานแบบเม็กซิกันปิดท้าย
อีกหนึ่งเมนูขนมปังที่อยากให้ลอง แต่คราวนี้มาเป็นของหวาน Concha con Chocolate (100 บาท) ขนมปังหวานรูปทรงคล้ายเปลือกหอย มาพร้อมช็อกโกแลตร้อนรสเข้มข้นที่ผสมก้านซินนามอน วิธีกินให้บิขนมปังแล้วจุ่มช็อกโกแลตร้อน เมื่อกินขนมปังหมดก็ให้ซดช็อกโกแลตร้อนในถ้วยต่อให้หมด เป็นอันเสร็จพิธี
เราแนะว่าอย่าลืมสั่ง Calavera (299 บาท) ค็อกเทลในแก้วหัวกะโหลกทัดดอกไม้ เบสด้วยเหล้าเตกีลา ผสมน้ำผลไม้ตระกูลซิตรัสอีกหลายอย่าง เมนูเครื่องดื่มพิเศษที่ได้จากบาร์ Revolucion ข้างล่าง ที่ครีเอตให้เข้ากับ La Lupita โดยเฉพาะ
What You Should Know
– อาหารไทยมีพล่าและยำ ส่วนอาหารเม็กซิกันก็มี Aguachile และ Ceviche สำหรับ Aguachile จะเป็นการนำปลาหรือซีฟู้ดสดๆ ปรุงรสแล้วเสิร์ฟทันที ส่วน Ceviche จะนำซีฟู้ดไปหมักไว้สักพักก่อนที่จะรับประทาน
– ประเทศแถบลาตินและอเมริกาใต้มีขนมปังหลายประเภท ซึ่งที่นี่มีให้ลองหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Arepa, Yuca, Empanada, Pão de queijo ขนมปังผสมชีสจากบราซิล หรือ Tequeño ชีสสติกจากเวเนซุเอลา
La Lupita
Open: เปิดบริการทุกวันอังคาร-เสาร์ เวลา 18.00-00.45 น.
Address: ชั้น 2 ร้าน Revolucion ซอยสาทร 10 (ซอยศึกษาวิทยา) กรุงเทพฯ
Budget: 500-1,000 บาท
Contact: โทร. 0 2235 4822
Website: www.facebook.com/lalupitabkk
Map:
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
