ภาพการพบกันระหว่าง คีเลียน เอ็มบัปเป ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส กับ เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำประเทศ เป็นภาพที่ได้รับความสนใจจากแฟนฟุตบอลทั่วโลกไม่น้อย
ทำไมนักฟุตบอลคนหนึ่งจึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานพิธีสำคัญระดับชาติที่พระราชวังเอลีเซ ซึ่งมีชื่อของ นาสเซอร์ อัล-เคไลฟี ประธานสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้าร่วมด้วย
เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับกรณีข่าวที่เอ็มบัปเปตัดสินใจที่จะอำลาถิ่นพาร์กเดส์แพรงซ์หลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้หรือไม่?
การปรากฏตัวของเอ็มบัปเปที่พระราชวังเอลีเซเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นที่พูดถึงไม่น้อยว่าจะมีส่วนเชื่อมโยงเกี่ยวกับอนาคตของกองหน้าวัย 25 ปีหรือไม่
ก่อนหน้านี้เอ็มบัปเปตกเป็นข่าวว่า ได้แจ้งต่อสโมสรว่าเขาตัดสินใจที่จะไปจากทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้แบบไม่มีค่าตัวตามกฎบอสแมน หลังจากสัญญาที่เซ็นกันไว้เมื่อปี 2022 ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีการใช้เงื่อนไขในการขยายเวลาออกไปอีก 1 ปีแต่อย่างใด
การตัดสินใจครั้งนี้ของเอ็มบัปเปเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะต่างรู้กันดีว่าเป้าหมายต่อไปสำหรับกองหน้าที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกในเวลานี้ และถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในยุคสมัยหลัง ลิโอเนล เมสซี อยู่ที่กรุงมาดริด
ตามรายงานข่าวระบุว่า เอ็มบัปเปยินดีที่จะลดค่าเหนื่อยของตัวเองลงอย่างมหาศาลเพื่อให้ได้ย้ายมาเล่นกับเรอัล มาดริด สโมสรในฝัน รวมถึงทิ้งเงินโบนัสกว่า 80 ล้านยูโรที่จะได้รับจากเปแอสเชหากอยู่ครบตามเงื่อนไขในสัญญา (อย่างไรก็ดี มีข่าวว่าเขาจะได้รับเงินโบนัสจากเรอัล มาดริดในจำนวนมหาศาลเช่นเดียวกันแทน)
เรื่องอนาคตของเอ็มบัปเปจึงไม่น่ามีอะไรพลิกโผอีก จนกระทั่งมีภาพการพบกันระหว่างกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสกับประธานาธิบดีมาครง
เพราะหากยังจำกันได้ ครั้งหนึ่งประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสเคยต่อสายตรงถึงเอ็มบัปเปเพื่อเกลี้ยกล่อมให้อยู่กับเปแอสเชต่อไปก่อน
เอ็มบัปเปสำคัญขนาดไหนเชียว?
นักเตะและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ในรายละเอียดเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่มาครงต่อสายตรงถึงเอ็มบัปเปเกิดขึ้นในปี 2022 ในช่วงที่เขากำลังจะหมดสัญญากับเปแอสเช และต้องการที่จะย้ายไปเรอัล มาดริด เพื่อเป็นก้าวต่อไปของเส้นทางชีวิตการเล่นฟุตบอล
โดยเรื่องนี้คนที่ออกมายืนยันก็คือตัวของเอ็มบัปเปเองที่เปิดเผยว่า “เราโทรคุยกันหลายครั้งในเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม
“ประธานาธิบดีโทรมาหาผม บอกว่าเขารู้ว่าผมอยากจะไป แต่เขาก็อยากให้ผมรู้ว่าผมสำคัญต่อฝรั่งเศสแค่ไหน เขาไม่อยากให้ผมไปตอนนี้ เขาเชื่อว่าผมมีโอกาสจะสร้างประวัติศาสตร์ที่นี่ และทุกคนก็รักผม”
เอ็มบัปเปยอมรับว่าเขาก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกันที่มาครงต่อสายตรงมาหานักฟุตบอลธรรมดาๆ คนหนึ่งแบบนี้เพื่อขอร้องให้เขาอยู่กับเปแอสเชต่อไป
มาครงเองก็เคยออกมายอมรับเช่นกัน “ใช่ เป็นเรื่องจริงที่ผมคุยกับ คีเลียน เอ็มบัปเป ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเรื่องอนาคต”
สุดท้ายมันนำไปสู่การที่เอ็มบัปเปหักพวงมาลัยยูเทิร์นกลับ เปลี่ยนใจไม่ไปเรอัล มาดริดแล้ว และต่อสัญญากับเปแอสเชออกไปอีก 2 ปี ยืนถ่ายรูปกับอัล-เคไลฟี พร้อมชูเสื้อ ‘MBAPPE 2025’ ด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ซ่อนอยู่ในคำว่า ‘สำคัญ’ ที่มาครงพยายามบอกกับเอ็มบัปเปนั้น ความสำคัญมันคือเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ฉากหน้าคือสโมสรฟุตบอล แต่หลังฉากแล้วคือตัวแทนทางอำนาจของประเทศกาตาร์ที่ใช้สโมสรฟุตบอลเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์และการรับรู้ในระดับโลกผ่านการลงทุนมหาศาล สร้าง ‘ซูเปอร์ทีม’ จนช่วงเวลาหนึ่งมี เนย์มาร์ นักฟุตบอลค่าตัวแพงที่สุดในโลก, เอ็มบัปเป อนาคตที่สดใสที่สุดของโลกลูกหนัง และ ลิโอเนล เมสซี ราชาลูกหนังโลกคนปัจจุบันอยู่ด้วยกัน
ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างฝรั่งเศสกับกาตาร์ก็เป็นไปด้วยดี กาตาร์เป็นหนึ่งในลูกค้าที่สั่งซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์จากฝรั่งเศสมากที่สุด โดยที่ในช่วงเวลาที่มีข่าวของเอ็มบัปเป ก็เป็นช่วงเดียวกับที่กาตาร์มีคำสั่งซื้อของจากฝรั่งเศสพอดี
ฝรั่งเศสต้องการกาตาร์ และนั่นหมายถึงการที่ต้องพยายามรักษาน้ำใจระหว่างกันให้ได้ ซึ่งการไปแบบไม่แคร์ของเอ็มบัปเปอาจสั่นคลอนถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ และนั่นทำให้ผู้นำประเทศอย่างมาครงต้องลงมาเป็นคนช่วยเจรจา และไม่ว่าจะมีส่วนมากหรือน้อยแค่ไหน
สุดท้ายเอ็มบัปเปก็เปลี่ยนใจต่อสัญญาในครั้งนั้น
เอ็มบัปเปจะเปลี่ยนใจอีกครั้ง?
แล้วครั้งนี้มาครงตั้งใจที่จะเชิญเอ็มบัปเปมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจอีกครั้งหรือเปล่า?
เรื่องนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะการพบกันของทั้งสองไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นการพบกันทั่วไป
อย่างไรก็ดี แขกคนสำคัญของมาครงไม่ใช่เอ็มบัปเปแต่อย่างใด หากแต่เป็น ชีค ตะมีม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครองนครรัฐกาตาร์ที่เดินทางมาเยือนฝรั่งเศส
การมาเยือนครั้งนี้มีวาระที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับโลก คือการเจรจาหาทางช่วยวิกฤตความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส โดยหวังจะเจรจาหยุดยิงชั่วคราวและปล่อยตัวประกันออกมา
การที่เอ็มบัปเปได้รับเชิญมาก็เพราะเขาเป็นนักฟุตบอลเบอร์หนึ่งของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งอัล-เคไลฟี ในฐานะประธานสโมสรเองก็ได้รับเชิญเข้าร่วมการเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อรับรองเอมีร์แห่งกาตาร์ด้วยเช่นกัน และ Le Parisien รายงานว่า มีนักฟุตบอลคนอื่นของเปแอสเชมาร่วมในงานเลี้ยงรับรองด้วย
โดยที่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วไม่มีวาระเกี่ยวกับฟุตบอลแต่อย่างใด
จะมีเพียงการถอดคำพูดของมาครงที่บอกเอ็มบัปเปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มว่า “คุณกำลังจะสร้างปัญหาให้กับพวกเราเพิ่ม”
เพียงแต่เอ็มบัปเปเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีมาครงไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในเรื่องอนาคตของเขา “กับเส้นทางอาชีพของผมตอนนี้ในปี 2023 ท่านประธานาธิบดีไม่ได้มีอิทธิพลอะไรต่ออนาคตของผม”
จริงอยู่ที่ฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แต่ทิศทางในตอนนี้ยังคงเหมือนเดิม
เอ็มบัปเปจะก้าวเดินไปต่อในเส้นทางที่ตัวเขากำหนดเอง
งานนี้ท่านประธานาธิบดีก็ไม่อาจหยุดท่านประธานเป้ได้เหมือนกัน
อ้างอิง:
- https://www.goal.com/en/lists/kylian-mbappe-dinner-emmanuel-macron-emir-qatar-elysee-palace/blt5df98f08c3e7a1bb#cs29ee8aea9b036b87
- https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-13130045/why-Kylian-Mbappe-dinner-French-president-PSG-chief.html
- https://www.hindustantimes.com/sports/football/france-president-meets-psg-kylian-mbappe-says-you-are-going-to-create-problems-amid-potential-real-madrid-move-101709088319880.html