แบงก์กรุงศรีเดินหน้าปล่อยสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งเป้าสินเชื่อโต 4-6% ยอมรับมีความท้าทาย แต่ยังให้บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า
ประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตด้านสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ปีนี้ไว้ที่ระดับ 4-6% จากสิ้นปี 2566 ที่มีพอร์ตยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ประมาณ 4.99 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความท้าทายค่อนข้างมาก
ธนาคารมีแผนที่จะผลักดันสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ให้เติบโตขึ้น ซึ่งจะเน้นแบบ Selective โดยปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อของธนาคารกรุงศรีอยุธยา รวมถึงอุตสาหกรรมธนาคารโดยรวม มีสัดส่วนของกลุ่มสินเชื่อที่ปล่อยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) เป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลุ่ม Real Estate กำลังอยู่ในช่วงของการชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ๆ
“อย่างที่ทราบ ตอนนี้โปรเจกต์ใหม่ๆ ของกลุ่ม Real Estate ไม่ได้มีการลงทุน ซึ่งคอนโดมิเนียมก็มีการลงทุนน้อยมาก Real Estate คงไม่ได้พีคอัปได้เร็ว ดังนั้นการที่เราตั้งสินเชื่อโต 4-6% ก็ถือว่า Optimistic และมีความท้าทาย แต่ยังมี Potential ไปได้ด้วยบริบทตอนนี้ซึ่งต้องรอไทม์มิง ณ วันนี้ก็ต้องคุยกับลูกค้า พยายามให้ข้อมูลว่าแบงก์จะช่วยเข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าส่วนไหน”
สำหรับดีมานด์สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ หลังจากที่ผ่านมา 2 เดือนแรกของปี 2567 ธนาคารประเมินว่าดีมานด์ส่วนนี้ทรงตัวจากปี 2566 โดยลูกค้ายัง Wait & See เพื่อติดตามสถานการณ์ธุรกิจและเศรษฐกิจ ทั้งปัจจัยเรื่องทิศทางดอกเบี้ย, สัญญาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังไม่ดีนัก, การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการลงทุนใช้จ่ายของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 2-4/67 น่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น
ดีล FA ทำ M&A หลายดีลในอาเซียน
สำหรับแผนงานด้านวาณิชธนกิจ กลุ่มงานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการซื้อขายและควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) ปัจจุบันมีดีลในมือที่ระหว่างขั้นตอนการทำงานหลายดีล ขนาดกลาง 1,000-5,000 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์บริการลูกค้าแบบครบวงจร
โดยมีความสนใจในการทำ M&A เข้ามาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในรูปแบบการทำ M&A ข้ามประเทศ (Cross Border) ในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน เช่น กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน อาหารและเครื่องดื่ม แต่ช่วงก่อนหน้านี้ถูกผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดส่งผลให้การดีลชะลอไป แต่หลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายส่งผลให้ดีลกลับมาดำเนินการได้ต่อ โดยคาดว่าจะสามารถทำดีล M&A ที่ธนาคารเป็น FA ทำดีลในช่วงครึ่งหลังของปี 2567
ปี 2566 ปิดหลายดีลใหญ่ หนุนธุรกิจบิ๊กคอร์ปโต
สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนผ่านดีลสำคัญมากมาย เช่น
- การเป็นผู้จัดการเงินกู้ร่วมและผู้ประสานงานด้านดัชนีความยั่งยืน สนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (Sustainability-Linked Loan: SLL) ให้กับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU) จำนวน 11,500 ล้านบาท
- การเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) และเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแต่เพียงผู้เดียวให้กับบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) จำนวน 3,000 ล้านบาท
- การให้การสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) แก่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) จำนวน 500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารได้ระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) และตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล (Blue Bond) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล จำนวน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกทั้งด้าน ESG ธนาคารยังได้ให้บริการที่ปรึกษาในดีลสำคัญอีกหลายดีล เช่น การสนับสนุนการทำธุรกรรม Index Transition ให้กับลูกค้าตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เปลี่ยนผ่าน Index ของอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจาก Thai Baht Interest Rate Fixing (THBFIX) เป็น Thai Overnight Repurchase Rate (THOR)
