วานนี้ (8 กันยายน) ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังจากที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 สวรรคตแล้ว ขณะพระชนมพรรษา 96 พรรษา สิ้นสุดรัชสมัยของพระองค์อย่างเป็นทางการ ตามกฎมณเฑียรบาลเพื่อไม่ให้แผ่นดินว่างเว้นจากการมีกษัตริย์ เจ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ จึงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพพระองค์ใหม่ ต่อจากพระราชมารดา
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 1948 ปัจจุบันมีพระชนมพรรษา 73 พรรษา ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์โตในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ โดยมี คามิลลา ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ เป็นพระราชินีพระองค์ใหม่
การสูญเสียทั้งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้แก่ราชวงศ์อังกฤษเป็นอย่างมาก หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความมีเสถียรภาพและความมั่นคงของราชบัลลังก์อังกฤษ หากสิ้นรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แล้ว
การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ส่งผลให้ลำดับรัชทายาทมีการปรับเปลี่ยน จากเดิมที่ เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์ พระโอรสพระองค์โตในพระเจ้าชาร์ลส์ ดำรงพระอิสริยยศในฐานะรัชทายาทลำดับที่ 2 ขยับขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่แห่งราชวงศ์อังกฤษ ตามมาด้วยพระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ของเจ้าชายวิลเลียมกับ แคเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ได้แก่ เจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ลอตต์ และเจ้าชายหลุยส์ ในลำดับที่ 2-4 ตามลำดับ
รัชสมัยใหม่ของสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพเริ่มต้นขึ้นแล้ว
แฟ้มภาพ: Hannah Mckay / Pool / AFP
อ้างอิง: