“บางครั้งผู้คนก็ถามผมว่า ทำไมผมถึงยิ้มได้ตลอดเวลา แม้ว่าเราจะแพ้ บางครั้งผมก็ยังยิ้มอยู่ มันเป็นเพราะว่าตอนที่ลูกผมเกิด ผมรู้ว่าฟุตบอลไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย
“เราไม่ได้ช่วยชีวิตใคร ฟุตบอลไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะใช้สร้างความโศกเศร้าหรือความเกลียดชัง แต่ฟุตบอลควรเป็นสิ่งที่เราใช้สร้างแรงบันดาลใจและความสุข”
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคำอธิบายจาก เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ที่ก้าวเข้ามาสู่สโมสรลิเวอร์พูลตั้งแต่ปี 2015 พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ ก่อนที่เวลาจะผ่านพ้นไป 8 ปี และเขากำลังจะอำลาสโมสรไปพร้อมกับเหตุผลที่เขาต้องการพักจากการแข่งขันที่ดุเดือดตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งคำพูดที่เขากล่าวถึงความดุเดือด แน่นอนว่าแฟนบอลไม่ว่าจะเป็นทีมไหนก็เห็นภาพของความดุเดือดดังกล่าว เมื่อลิเวอร์พูลทำคะแนนได้ถึง 97 คะแนนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียว แต่ยังไม่เพียงพอที่จะล้มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นไปครองด้วยการทำคะแนนได้มากกว่าเพียงคะแนนเดียวในปี 2019
แต่ในฤดูกาลนั้นก็มีเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นบนเวทียุโรป เพราะพวกเขาก้าวขึ้นสู่แชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไป 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่สุดบนเวทียุโรปของลิเวอร์พูลเกิดขึ้นในเกมรอบรองชนะเลิศกับบาร์เซโลนา ซึ่งพวกเขาพ่ายในเลกแรกไปก่อน 0-3
“การแพ้ให้กับบาร์เซโลนาในแชมเปียนส์ลีกเป็นผลการแข่งขันที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ ตอนที่เราเตรียมพร้อมสำหรับเลก 2 การพูดคุยกับทีมของผมแบบตรงไปตรงมา ผมพูดถึงแท็กติก แต่ผมก็พูดความจริงกับพวกเขาว่า เราต้องเล่นโดยไม่มีสองศูนย์หน้าที่ดีที่สุดในโลก
“โลกภายนอกบอกเราว่ามันเป็นไปไม่ได้ และก็คงจะจริง แต่เพราะว่าวันนี้เป็นพวกคุณ เราจึงมีโอกาส ผมเชื่อแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะความสามารถส่วนตัวในฐานะนักฟุตบอล แต่เพราะตัวตนของพวกเขาและทุกอย่างที่พวกเขาผ่านมาในชีวิต
“สิ่งเดียวที่ผมบอกคือ ‘ถ้าเราจะล้มเหลว จงล้มเหลวในหนทางที่สวยงามที่สุด’ แน่นอนเป็นเรื่องง่ายสำหรับผมที่จะพูดคำเหล่านั้น เพราะผมแค่คนที่ตะโกนอยู่ข้างสนาม แต่เป็นสิ่งที่ยากกว่ามากสำหรับนักเตะที่จะทำ แต่เพราะเป็นคนเหล่านี้และเพราะคนอีก 54,000 คนที่แอนฟิลด์ เราก็ได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“สิ่งที่สวยงามเกี่ยวกับฟุตบอลคือ คุณไม่สามารถทำอะไรได้สำเร็จเพียงคนเดียว ไม่มีสิ่งใดเลยที่ทำคนเดียวได้ เชื่อผมเถอะ”
ลิเวอร์พูลกลับมาเอาชนะบาร์เซโลนาในเกมที่ 2 ไปได้ 4-0 ที่แอนฟิลด์ และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ซึ่ง เจอร์เกน คล็อปป์ พูดถึงช่วงเวลาหลังเกมต่อ
“ตอนที่ผมไปห้องเก็บรองเท้า ผมไม่ได้ดื่มเบียร์ด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ต้องการมัน ผมนั่งลงพร้อมกับขวดน้ำ ท่ามกลางความเงียบสงัด ผมแค่ยิ้มกับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ตอนผมกลับบ้าน ครอบครัวและเพื่อนมาอยู่ด้วยที่บ้านและทุกคนจัดปาร์ตี้ฉลองกัน แต่ผมเหนื่อยมากและกลับขึ้นไปนอน ทั้งร่างกายและจิตใจของผมหมดแล้วจริงๆ
“คืนนั้นผมนอนได้ดีที่สุดในชีวิตเลย
“แต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่ผมตื่นมา และพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อคืนคือความจริง
“สำหรับผมฟุตบอลคือสิ่งเดียวที่สร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่าภาพยนตร์ เพราะคุณตื่นขึ้นมาตอนเช้า สิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ยังเป็นเรื่องจริง ผมเคยเห็นแล้วว่าลูกบอลลูกเล็กๆ สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของนักเตะเราได้มากขนาดไหน การเดินทางของ โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต เฟียร์มิโน และอีกหลายคนเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก
“ความยากลำบากที่ผมเคยเจอตอนเด็กในเยอรมนีเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกเขาต้องเอาชนะมาได้ มีหลายครั้งที่พวกเขาสามารถยอมแพ้ได้ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้
“พวกเขาไม่ใช่พระเจ้า พวกเขาแค่ไม่ยอมละทิ้งความฝันของพวกเขา”
อ้างอิง: