×

เปิดยุทธศาสตร์ Zero COVID จีน รับมือโควิดสายพันธุ์เดลตาอยู่หมัด กดยอดติดเชื้อในประเทศเป็น 0 ในไม่กี่สัปดาห์

24.08.2021
  • LOADING...
Zero COVID Strategy

จีนเป็นอีกประเทศที่เผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังหนึ่งในผู้โดยสารจากกรุงมอสโก ของรัสเซียเดินทางไปยังเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู และนำพาเชื้อไวรัสมรณะเข้าประเทศ ก่อนแพร่เชื้อต่อให้กลุ่มพนักงานทำความสะอาดเครื่องบิน และแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดยพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 50 เมือง ของ 17 มณฑล จากทั้งหมด 31 มณฑล รวมถึงเมืองใหญ่อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และอู่ฮั่น รวมผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตามากกว่า 1,200 ราย ซึ่งถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดของจีน หลังจากประสบความสำเร็จในการรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกแรกได้เมื่อต้นปีที่แล้ว 

 

ขณะที่ทางการจีน ‘คิดเร็ว ทำเร็ว’ ดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดต่างๆ ตามแนวทางยุทธศาสตร์ ‘Zero COVID’ จนทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตากลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมได้อีกครั้ง และล่าสุดเมื่อวานนี้ (23 สิงหาคม) ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากในประเทศเป็นวันแรกในรอบ 1 เดือนกว่าๆ

 

อะไรคือยุทธศาสตร์ Zero COVID

 

  • ยุทธศาสตร์ Zero COVID คือแนวทางกำจัดการแพร่ระบาดของโรคโควิดภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดผู้ติดเชื้อให้เหลือ 0 ซึ่งนอกจากจีน ยังมีหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่หันมาใช้ยุทธศาสตร์นี้ในการรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด
  • แนวทางหลักของยุทธศาสตร์  Zero COVID คือการปิดพรมแดนและจำกัดจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ ตลอดจนกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด เช่น การล็อกดาวน์อย่างจริงจังในพื้นที่เสี่ยงที่พบการระบาด ห้ามประชาชนออกนอกบ้านหากไม่จำเป็น จำกัดการเดินทางระหว่างเมือง เพิ่มการตรวจเชื้อเชิงรุกสำหรับประชาชนจำนวนมาก กักตัวผู้ติดเชื้อทั้งที่ยืนยันแล้วและต้องสงสัย และขยายการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ตลอดจนเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน
  • ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จีนประสบความสำเร็จในการใช้ยุทธศาสตร์ Zero COVID จนสามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลงเกือบเป็น 0 ในขณะที่การกลับมาใช้ชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ส่งผลแง่บวกต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งประเมินการเติบโตเฉลี่ยช่วง 2 ปีนี้สูงถึง 5.3% โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่ำ หากเทียบกับผลเสียทางเศรษฐกิจจากการระบาดต่อเนื่องของโควิด
  • อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ยุทธศาสตร์ Zero COVID ในระยะยาวก็มีความเสี่ยง เนื่องจากการล็อกดาวน์นั้นกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนยากไร้ รวมถึงยังส่งผลต่อภาวะสุขภาพจิต จากความเครียดที่ต้องกักตัว ขาดรายได้หรือเผชิญปัญหาอื่นๆ จากการล็อกดาวน์เป็นเวลานาน
  • ขณะที่โควิดสายพันธุ์เดลตาที่มีอัตราแพร่เชื้อในระดับสูง ทำให้การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อเกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่อาจไม่เกิดขึ้น หลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร จึงเริ่มปรับมาตรการให้มีความยืดหยุ่นและตอบรับกับสถานการณ์มากขึ้น ภายใต้แนวคิดคือ ‘การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัส’

 

จีนทำอะไรไปบ้าง

 

  • ทางการจีนระดมตรวจเชื้อเชิงรุกแก่ประชาชนจำนวนมากในระดับสูงแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยมีการตรวจเชื้อไปมากกว่า 100 ล้านครั้ง นับตั้งแต่พบกรณีการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่เมืองหนานจิง ซึ่งในบางเมือง อาทิ เมืองหยางโจว มณฑลเจียงซู ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดรอบล่าสุดนี้ มีการตรวจเชื้อประชาชนแบบหมู่ไป 12 รอบ รวมตรวจเชื้อมากกว่า 17.6 ล้านครั้ง ภายในระยะเวลา 20 วัน คาดว่าใช้งบประมาณตรวจเชื้อไปกว่า 3.5 พันล้านหยวน หรือกว่า 17.8 พันล้านบาท ขณะเดียวกันยังขยายการตรวจสอบและติดตามผู้ติดต่อใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเชื้อ และกักตัวผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วหรือผู้เสี่ยงติดเชื้อ
  • ทางการจีนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยแบ่งระดับในพื้นที่เสี่ยงสูงและปานกลาง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องกักตัวและห้ามออกจากบ้านหากไม่จำเป็น พร้อมทั้งจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนในหลายเมือง เช่น ปักกิ่ง, อู่ฮั่น, หยางโจว, เจิ้งโจว และจูโจว ขณะที่ระงับให้บริการรถไฟและเที่ยวบินจากเมืองที่เกิดการระบาด
  • ทางการจีนเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการควบคุมพรมแดน โดยจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติแทบทั้งหมด และสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศในช่องทางต่างๆ ต้องแสดงเอกสารยืนยันผลตรวจเชื้อเป็นลบ 2 แบบ คือแบบ PCR และ Antibody Tests โดยผู้ที่สมัครขอวีซ่าต้องมีเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสอย่างน้อย 14 วันก่อนเข้าประเทศ และจะได้รับการตรวจคัดกรองซ้ำอีกครั้งที่สนามบิน รวมทั้งกักตัวหลังเข้าประเทศอย่างน้อย 14 หรือ 21 วัน ขึ้นอยู่กับว่าเดินทางมาจากภูมิภาคหรือประเทศใด 
  • นอกจากกรณีที่หนานจิง ก่อนหน้านี้ยังพบการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาจากพื้นที่ชายแดนอื่นๆ เช่นที่เมืองรุ่ยลี่ มณฑลยูนนาน ติดกับชายแดนเมียนมา ทำให้ทางการจีนเพิ่มการควบคุมและจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดน
  • ทางการจีนเร่งระดมฉีดวัคซีนโควิดแก่ประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับจนถึงวันอาทิตย์ (22 สิงหาคม) ที่ผ่านมา สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้แล้วมากกว่า 1.94 พันล้านโดส หรือคิดเป็นอัตราส่วน 135 โดส ต่อประชากร 100 คน ซึ่งสูงกว่าสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร แต่ไม่เปิดเผยว่าฉีดครบ 2 โดสแล้วกี่คน

 

ไม่เปิดประเทศแม้ฉีดวัคซีนเยอะ

 

  • ถึงแม้จีนจะมีอัตราส่วนการฉีดวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมาก แต่เนื่องจากวัคซีนที่นำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนหลักที่ผลิตในประเทศ เช่น Sinopharm และ Sinovac ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตต่อประสิทธิภาพของวัคซีนเหล่านี้ในการต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา ขณะที่ทางการจีนยืนยันว่า กรณีการระบาดที่เมืองหนานจิงนั้น ผู้ติดเชื้อหลายรายได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว 
  • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาด หรือ CDC ของจีน ให้ความมั่นใจว่าวัคซีนที่มีอยู่นั้นยังมีประสิทธิภาพควบคุมการระบาดของโควิดสายพันธุ์ต่างๆ และทางการกำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ประชาชน
  • อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจีนยังไม่มีความตั้งใจที่จะเปิดประเทศหรือเปลี่ยนแนวทางในการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาด แม้จะมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก ซึ่งบทบรรณาธิการของ Global Times หนังสือพิมพ์ของทางการจีนที่เผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ปฏิเสธแนวคิดเรื่องการเปิดประเทศในสไตล์อังกฤษ โดยระบุว่า ‘แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางการเมือง’ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิด ‘ค่าใช้จ่ายทางสังคม และความเจ็บปวดที่คาดไม่ถึง’ และสนับสนุนให้ใช้ยุทธศาสตร์ Zero COVId ไปพร้อมกับช่องทางที่ควบคุมได้ เพื่อเปิดประเทศสู่โลกภายนอก

 

ภาพ: Photo by Ruan Zhong/VCG via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising