×

Dior ใบเดียว สะเทือนทั้งรัฐบาล สรุปคดีภริยาประธานาธิบดีเกาหลีใต้แอบรับกระเป๋าหรู

26.01.2024
  • LOADING...
ภริยา ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุนซอกยอล

เชื่อว่าในตอนนี้ประธานาธิบดียุนซอกยอลแห่งเกาหลีใต้อาจจะอยู่ในอาการนั่งไม่ติด หลังเกิดข่าวฉาวขึ้นว่า คิมกอนฮี ภริยาของเขา แอบรับของขวัญเป็นกระเป๋า Dior สุดหรูมูลค่าเฉียดแสน 

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเกาหลีใต้ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่คู่สมรสของเจ้าหน้าที่รัฐพึงกระทำ อีกทั้งยังสั่นคลอนสถานะของพรรครัฐบาลในช่วงที่เกาหลีใต้เตรียมจะเปิดศึกเลือกตั้งในเดือนเมษายนนี้แล้ว

 

คดี Dior ใบเดียวพาเสียวทั้งรัฐบาล ที่มาที่ไปจะเป็นอย่างไร THE STANDARD สรุปให้ม้วนเดียวจบ

 

📍 เปิดภาพลับ! ภริยาผู้นำเกาหลีใต้รับกระเป๋าหรู

 

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังช่อง YouTube ที่มีชื่อว่า Voice of Seoul เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดฉาวออกมา โดยภาพที่ปรากฏนั้นเป็นบาทหลวงชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลีคนหนึ่งมอบกระเป๋ายี่ห้อ Dior ให้คิมกอนฮี ภริยาของยุนซอกยอล และสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ 

 

และคนที่ถ่ายทำคลิปนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือตัวบาทหลวงเองที่แอบซ่อนกล้องไว้อย่างลับๆ ที่นาฬิกาข้อมือ

 

คลิปเริ่มจากภาพบาทหลวงที่เข้าไปซื้อกระเป๋า Dior หนังลูกวัวสีเทาอมฟ้า โดยมีป้ายราคาระบุไว้ชัดเจนที่ 3 ล้านวอน หรือตีเป็นเงินไทยที่ประมาณ 80,000 บาท หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปมอบให้กับคิมกอนฮี โดยที่ตัวเธอเองพูดด้วยว่า “ทำไมสาธุคุณถึงชอบนำของขวัญเหล่านี้มาให้กับฉัน” ขณะสื่อท้องถิ่นรายงานว่า กระเป๋าใบฉาวดังกล่าวถูกส่งมอบให้กับคิมกอนฮีในช่วงเดือนกันยายน 2022 

 

ทั้งนี้ กฎหมายของเกาหลีใต้กำหนดไว้ชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่รัฐและคู่สมรสจะรับของขวัญได้ในมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านวอนต่อครั้ง และตลอดทั้งปีงบประมาณจะรับของขวัญได้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านวอน มิเช่นนั้นจะผิดกฎหมาย

 

พอเรื่องแดงขึ้นสื่อก็คุ้ยกันลงไปอีกว่า บาทหลวงคนดังกล่าวชื่อ อับราฮัม ชเว เขามีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือในด้านการแลกเปลี่ยนทางศาสนา อีกทั้งยังสนับสนุนให้เกาหลีใต้ประสานรอยร้าวและมาร่วมมือกับเกาหลีเหนือ

 

สำนักข่าว Reuters ได้ติดต่อสัมภาษณ์บาทหลวงชเว ซึ่งเขาบอกว่า ในตอนแรกนั้นเขาพยายามจะเข้าหาคิมกอนฮี เนื่องจากเขาค่อนข้างกังวลที่ยุนซอกยอลใช้นโยบายที่แข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ 

 

บาทหลวงผู้นี้ใช้ประโยชน์จากการที่คิมกอนฮีเป็นคนรู้จักของครอบครัวตนเอง ค่อยๆ เข้าหาเธอโดยใช้ของขวัญหรูหราเป็นเสมือนบัตรผ่านในการเข้าพบ โดยนอกจากกระเป๋า Dior แล้ว ก่อนหน้านี้เขาอ้างว่าเขาเคยให้เครื่องสำอางยี่ห้อ CHANEL แก่เธอในครั้งแรกที่พบกันด้วย

 

แต่หลังจากการพบปะกันครั้งแรก บาทหลวงชเวกล่าวว่า เขากังวลเกี่ยวกับบทบาทของคิมกอนฮีในรัฐบาลนี้ เขาเลยไปติดต่อกับนักข่าวที่ทำช่อง YouTube ซึ่งเน้นเผยแพร่ข่าวการเมืองฝ่ายซ้ายโดยเฉพาะ เพื่อขอให้ช่วยในการถ่ายทำคลิปคิมกอนฮีตอนรับกระเป๋าราคาแพงในระหว่างที่พบกันครั้งที่ 2

 

บาทหลวงชเวยังกล่าวด้วยว่า ถ้าเป็นคนปกติอื่นๆ ก็น่าจะพูดว่า “ดิฉันไม่สามารถมาพบคุณได้อีกหากยังทำเช่นนี้” แต่สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้กลับให้ที่อยู่พร้อมเวลานัดมาเสร็จสรรพ

 

แม้ในคลิปจะไม่ได้มีช็อตที่แสดงชัดเจนว่าท้ายที่สุดคิมกอนฮีตัดสินใจรับกระเป๋าไป แต่เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ไม่เปิดเผยตัวตนคนหนึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Yonhap เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บาทหลวงชเวเข้าหาคิมกอนฮีด้วยเจตนาที่ไม่ซื่อ เขาจงใจที่จะถ่ายคลิปวิดีโอที่ผิดกฎหมายนั้นโดยใช้สายสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นเครื่องมือ และของขวัญที่คิมกอนฮีได้ถูกเก็บไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐตามระเบียบแล้ว

 

คดี Dior ฉาวไม่ใช่เรื่องเดียวที่ภริยาผู้นำเกาหลีใต้เผชิญ แต่เธอยังมีชนักติดหลังเป็นข้อกล่าวหาเรื่องมีส่วนในการปั่นราคาหุ้นเมื่อ 12 ปีก่อน ซึ่งรัฐสภาเกาหลีใต้เพิ่งจะลงมติแต่งตั้งอัยการพิเศษเพื่อรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนเมื่อเดือนที่ผ่านมา รวมถึงกรณีของปี 2021 ที่เธอเคยออกมาขอโทษสังคมจากข้อกล่าวหาที่ว่าเธอปลอมแปลงเอกสารด้านวิชาชีพ และวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเธอก็มีการลอกมาจากที่อื่น ซึ่งตอนนั้นก็ทำให้การหาเสียงของสามีระส่ำอยู่เช่นกัน

 

📍 คนในพรรคเรียกร้องยุนซอกยอลขอโทษสังคม

 

หลังจากที่ภาพดังกล่าวหลุดออกมา สื่อในประเทศก็เล่นข่าว ‘กระเป๋า Dior ฉาว’ กันเป็นวาระใหญ่ กระแสข่าวดังกล่าวส่งผลให้สมาชิกพรรคพลังประชาชนเกาหลีใต้ (PPP) ซึ่งเป็นพรรคที่ยุนซอกยอลสังกัดอยู่ ออกมาเรียกร้องให้ทั้งตัวผู้นำและภริยาออกมาขอโทษสังคม โดยหวังว่าอย่างน้อยที่สุดทั้งคู่จะออกมายอมรับแบบตรงๆ ว่าการรับกระเป๋าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมจริง ซึ่งนั่นอาจช่วยลดแรงเสียดทานและกระแสความเกรี้ยวกราดของสังคมลงได้บ้าง

 

แต่กลับกลายเป็นว่ายุนซอกยอลและภริยาก็ยังนิ่งเงียบ ขณะที่สำนักประธานาธิบดีเกาหลีใต้ก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไรเช่นกัน

 

📍 ราคาที่ต้องจ่าย

 

แม้สุภาษิตไทยจะกล่าวไว้ว่า ‘พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง’ แต่การนิ่งเงียบของยุนซอกยอลอาจไม่เข้าตำรานี้ เพราะมันมีราคาที่ต้องจ่าย และราคานั้นอาจเป็นความพ่ายแพ้ของพรรค PPP ในศึกเลือกตั้งสภานิติบัญญัติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2024 ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ชี้ชะตากรรมของฝ่ายบริหารภายใต้การนำของยุนซอกยอล

 

ย้อนกลับไปในปี 2022 แม้ตอนนั้นยุนซอกยอลจะครองเก้าอี้ประธานาธิบดีได้สำเร็จ แต่หากมาดูคะแนนกันจริงๆ แล้ว ส่วนต่างที่เฉือนเอาชนะคู่แข่งไปกลับมีเพียงไม่ถึง 1% โดยยุนซอกยอลได้รับคะแนนเสียงไป 48.56% ขณะที่ อีแจมยอง จากพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ได้คะแนนเสียง 47.83% หรือห่างเพียง 0.73% และในปัจจุบันพรรค PPP ก็เป็นเสียงข้างน้อยในสภา

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้สมาชิกพรรค PPP เริ่มวิตกกังวล เพราะพวกเขารู้สึกว่าสาธารณชนมุ่งเป้าความโกรธไปที่คิมกอนฮี น้อยคนนักที่จะสนใจกรณีเรื่องกล้องแอบถ่าย ซึ่งแน่นอนว่าชาวเน็ตทั้งหลายก็คือคนที่มีสิทธิเลือกตั้งและจะไปเข้าคูหาในเดือนเมษายนนี้ เท่ากับว่าข่าวฉาวที่ออกมาได้สร้างความรู้สึกลบต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปเสียแล้ว

 

ด้านผลสำรวจจากสถานีโทรทัศน์ YTN ของเกาหลีใต้ที่จัดทำในสัปดาห์นี้ระบุว่า ประชาชน 69% ต้องการให้ยุนซอกยอลออกมาอธิบายต่อสังคมว่าเขามีจุดยืนอย่างไรต่อข่าวฉาวของภริยา ขณะโพลจากสำนักข่าว Tomato News ที่จัดทำขึ้นในเดือนธันวาคมออกมาว่า  53% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า การกระทำของคิมกอนฮีไม่เหมาะสม 

 

อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้สนับสนุนของยุนซอกยอลมองว่า คิมกอนฮีคือเหยื่อที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของผู้นำเกาหลีใต้ ขณะที่พรรคฝ่ายตรงข้ามเองก็พยายามใช้จุดนี้โจมตียุนซอกยอลด้วยเช่นกัน โดย ฮงอิกพโย ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า “มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่สำนักประธานาธิบดีและพรรครัฐบาลจะเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ และพูดราวกับว่าแค่คำขอโทษจะทำให้เรื่องนี้ยุติลงง่ายๆ”

 

แต่ความจริงจะเป็นเช่นไร คงต้องรอติดตามกันต่อไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising