แม้สถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่ไม่อาจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังนิยมจับจ่ายและสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องอัปสปีดตัวเอง เพื่อนำเสนอสินค้าและการบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้มากที่สุด
พงศ์ศิริ ศิริธร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม Kerry Logistics Network Limited หรือ KLN กล่าวว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในปี 2565 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดราวๆ 5-6 แสนล้านบาท หลักๆ มาจากกลุ่มสินค้าในธุรกิจ B2C และมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นต่อเนื่อง หลักๆ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ยังนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมไปถึงฝั่งผู้ประกอบการมีการจัดโปรโมชันลดราคาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ถี่ขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของปี เพื่อจูงใจผู้บริโภค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘กลยุทธ์ราคา’ ช่วยทำให้ Kerry Express ทำลายสถิติยอดจัดส่งพัสดุปี 2564 โต 30% แต่ ‘กำไร’ หล่นวูบ 96.7%
- ไม่ค่อยพึ่ง Google แล้ว ‘Lazada’ พบผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 57% ค้นหาสินค้าโดยตรงบน ‘แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ’
- Shopee เผยสถิติแคมเปญ 11.11 พบคนไทย 1 รายซื้อของในออร์เดอร์เดียวกว่า 180,000 บาท ฟาก Lazada รายเดียวทะลุ 320,000 บาท
จากแนวโน้มและโอกาสการเติบโตดังกล่าว บริษัทจึงได้ขยายคลังสินค้าในโครงการ WHA Mega Logistics Center เพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซและภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้มีนักช้อปออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับคลังสินค้าของ Kerry Logistics นั้นจะเป็นศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้า โดยมีทีมงานรับหน้าที่ให้ข้อมูลและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันมีลูกค้าหลากหลายกลุ่มธุรกิจเริ่มจัดเตรียมสินค้ารองรับกำลังซื้อของลูกค้า เริ่มตั้งแต่กลุ่มแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ตามด้วยกลุ่มคอสเมติก และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า
อีกทั้งตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงปลายปี 2565 ถือเป็นช่วงที่ตลาดอีคอมเมิร์ซต้องการเพิ่มยอดขายในแคมเปญ 10.10, 11.11 และ 12.12 โดยบริษัทได้เพิ่มน้ำหนักการให้บริการคลังสินค้า รองรับลูกค้าที่ต้องการสต๊อกสินค้ารับเทศกาลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีถือเป็นไฮซีซันของตลาดอีคอมเมิร์ซ คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อจะเพิ่มขึ้น เห็นได้จากในช่วงแคมเปญ 10.10 บริษัทมียอดใช้บริการคลังสินค้าทะลุเป้าที่วางไว้