×

อ่านแผนงานกสิกรไทยปี 2020 ยกลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จัดการความเสี่ยงเชิงรุก ตั้งเป้าหมายธนาคารแห่งภูมิภาค (Advertorial)

04.02.2020
  • LOADING...

ในยุค Digital Disruption ธนาคารยิ่งต้องปรับตัว ด้านธนาคารกสิกรไทยที่เป็นแบงก์ทำธุรกิจในไทยกว่า 75 ปี ยิ่งต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันกับสถานการณ์ปี 2020 นี้ ค่ายกสิกรไทยจะมีแผนปรับตัวและเดินไปข้างหน้าอย่างไร 

 

ธุรกิจธนาคารในวันที่โลกเปลี่ยน แต่ลูกค้าไม่เปลี่ยน 

 

ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโลกและธุรกิจเจอความท้าทาย ทั้งจากดิจิทัลและพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ทำให้ธนาคารต้องปรับตัว ปรับระบบให้เข้ากับเทคโนโลยี แต่การทำธุรกิจยังต้องมี ‘ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง’ ยิ่งลูกค้ามีความต้องการหลากหลาย ธนาคารยิ่งต้องพัฒนาระบบและผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองลูกค้า

 

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ใหม่จะมุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรในปัจจุบัน และพันธมิตรด้านเทคโนโลยี รวมถึงการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลในการเข้าถึงลูกค้าได้ตรงตามความต้องการและเจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันต้องขยายบุคลากรด้านเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาระบบต่างๆ โดย 3 ปีนี้ (2563-2565) เตรียมงบลงทุนนวัตกรรมเทคโนโลยีและด้านบุคลากรกว่า 17,000 ล้านบาท 

 

 

เมื่อความเสี่ยงไซเบอร์เพิ่มขึ้น ธนาคารจะสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสบายใจอย่างไร 

 

ปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เมื่อบริการของธนาคารหันมาใช้ผสานกับเทคโนโลยีมากขึ้น ความเสี่ยงไซเบอร์ก็เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความกังวลของลูกค้าเพิ่มขึ้นตาม ดังนั้น สิ่งที่ธนาคารจะมุ่งเน้นคือ การสร้างความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และลูกค้าต้องรู้สึกสบายใจในการทำธุรกรรมกับธนาคาร

 

ทั้งนี้ ทางธนาคารกสิกรไทยตั้งกลยุทธ์บริหารจัดการความเสี่ยงเชิงรุก แบ่งเป็น 3 แกน ได้แก่ 

 

 

1.การจัดการความเสี่ยงพื้นฐานจากการให้บริการทางการเงิน (Banking Services) เช่น ความเสี่ยงด้านความเชื่อมั่นที่นำไปสู่การถูกถอนเงินฝากจำนวนมาก ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่อาจทำให้ธนาคารไม่สามารถจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ และนำไปสู่การล้มละลาย ความเสี่ยงจากการปฏิบัติงานผิดพลาด ความเสี่ยงด้านการทุจริต ฯลฯ ดังนั้น ธนาคารต้องรักษาความมั่นคงทางการเงิน โดยปัจจุบันธนาคารมีการดำรงอัตราส่วนเงินกองทุน (CAR) ที่ 171% ของหลักเกณฑ์ที่กำหนด และสัดส่วนด้านสภาพคล่อง (LCR) ที่ 188% ของหลักเกณฑ์ที่กำหนด และให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ ระหว่างลูกค้ากับธนาคาร ด้วยระบบตรวจจับรายการทุจริต (Fraud Monitoring) ที่มีประสิทธิภาพ 

 

 

2. การจัดการความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากบริการที่เป็นดิจิทัล (Digital Transformation) ซึ่งต้องดำเนินการทั้งมาตรฐาน, พนักงาน, ลูกค้า, การทำงานร่วมกับบุคคลที่ 3 โดยทุกฝ่ายจะต้องมีความตระหนักเรื่องความเสี่ยงด้านไซเบอร์ และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้า นอกจากนี้ในปี 2563 ธนาคารจะมีการนำเทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาใช้ในการตรวจจับ Cyber Crime และ Cyber Risk

 

กสิกรไทย 2020

 

3. การจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Integration) ซึ่งธนาคารดำเนินงานบนรากฐานของการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดีและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น กระบวนการให้สินเชื่อที่คำนึงถึงผลกระทบด้าน ESG ทั้งการกำหนดประเภทเครดิตที่ธนาคารไม่ให้การสนับสนุนสินเชื่อ (Exclusion List) และการส่งเสริมการสร้างผลกระทบเชิงบวกจากโอกาสทางธุรกิจ (Positive Impact Financing) ด้วยการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจที่คำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น สินเชื่อพลังงานทดแทน สินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อเพื่อการสนับสนุนด้านสังคม  

 

“จุดแข็งของกสิกรไทยในเรื่องการบริหารความเสี่ยงก็คือ มุ่งเสริมสร้างการบริหารความเสี่ยงให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร (Risk Culture) สร้างวินัยที่ดีในการบริหารความเสี่ยง ทำอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในทุกๆ การตัดสินใจและการดำเนินงาน จนฝังรากลึกเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมกสิกรไทย เพราะความเสี่ยงไม่เคยหลับ เราจึงตื่นอยู่เสมอ เพื่อจัดการความเสี่ยง”

 

กสิกรไทย 2020

 

กสิกรไทยสยายปีก ตั้งเป้าหมายเป็นธนาคารระดับภูมิภาค

ขณะที่ปัจจุบัน เมื่อโลกเชื่อมต่อกันสะดวกยิ่งขึ้น คนไทยทั้งรายย่อย นักลงทุน และลูกค้าธุรกิจ ต้องเชื่อมโยงกับต่างประเทศได้มากขึ้น ดังนั้น ทางธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าหมายการเป็นธนาคารระดับภูมิภาค ผ่านการสร้างช่องทางเข้าถึงลูกค้า และเสนอบริการธุรกรรม-ธุรกิจข้ามประเทศ ซึ่งจะปรับใช้เทคโนโลยีในยุคดิจิทัลให้ใช้บริการได้สะดวกและรวดเร็ว

 

ทั้งนี้ ทางธนาคารจะขยายบริการผ่านเครือข่ายกสิกรไทยที่มีอยู่ 14 แห่งทั่วภูมิภาค รวมถึงการสร้างพันธมิตรธนาคารในภูมิภาค 72 ธนาคาร คาดว่าในปี 2563 นี้จะมีความชัดเจนการขยายธุรกิจในเมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมถึงขยายแผนธุรกิจใหม่ในจีน

 

นอกจากนี้ต้องมองหาและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ ผ่านบริษัท K-Vision ซึ่งจะเข้าเป็นพันธมิตร เข้าไปลงทุน รวมถึงการซื้อเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดกับบริการของธนาคาร ขณะเดียวกันยังจัดตั้ง KASIKORN X (KX) เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้กับกลุ่มกสิกรไทย โดยจะมีโมเดลธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ ซึ่งจะทำงานเป็นอิสระจากธนาคาร และปัจจุบันกสิกรไทยอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเพื่อยื่นขออนุญาตจัดตั้งบริษัท ไคไต้ เทคโนโลยี จำกัด ที่เซินเจิ้น ซึ่งเป็นพื้นที่รวมบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีของจีน และจะช่วยให้กสิกรไทยเป็นส่วนหนึ่งใน Ecosystem ด้าน Fin Tech

 

สุดท้ายแล้วธนาคารกสิกรไทยต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่รอดในคลื่นมรสุมต่างๆ และปี 2020 นี้จะกลายเป็นอีกปีสำคัญที่กสิกรไทยพัฒนาเทคโนโลยีและบริการใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้ใช้บริการอย่างแน่นอน

 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising