×

จากเซ็กซ์เทปสู่รันเวย์ Marc Jacobs ถอดรหัสอาณาจักรพันล้านของตระกูล Kardashian และ Jenner

02.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

2 Mins. Read
  • ในปี 2005 คิม คาร์ดาเชียน เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะเพื่อนสนิทของปารีส ฮิลตัน และเป็นสไตลิสต์ให้เหล่าดาราเซเลบ แต่เธอดันมีเซ็กซ์เทปที่ถ่ายกับแฟนหนุ่ม เรย์ เจ ซึ่งคิมมีการฟ้องร้องค่าย Vivid Entertainment และยุติคดีโดยได้เงินไกล่เกลี่ยมา 5 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • รายการ Keeping Up with the Kardashians ถูกฉายไปยัง 160 กว่าประเทศทั่วโลก โดยสมาชิกในครอบครัวแต่ละคนมีการวางคอนเซปต์ตามไลฟ์สไตล์และช่วงชีวิตของตัวเอง ซึ่งทำให้ได้ฐานแฟนคลับที่แตกต่างกันออกไป
  • คิมขายผลิตภัณฑ์คอนทัวร์ของตัวเองเป็นจำนวน 300,000 แท่งภายใน 24 ชั่วโมง และทำเงินถึง 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยขายผ่านทางของเว็บไซต์ตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องไปจัดอีเวนต์ In Store หรือลงโฆษณาในสื่ออื่นๆ ยกเว้นแค่ให้สมาชิกในครอบครัวช่วยแชร์ภาพเท่านั้น

     ไคลี เจนเนอร์ ท้อง!, คิมไปฉีดบั้นท้ายมาเพิ่ม!, เคนดัลล์ เจนเนอร์ มีแฟนใหม่แล้ว! เหล่านี้มักเป็นภาพสะท้อนของสมรภูมิสื่อในยุค clickbait ที่ยิ่งฉาวยิ่งดี และแน่นอนกับตระกูลทีวีเบอร์หนึ่งอย่าง คาร์ดาเชียน และ เจนเนอร์ การเล่นข่าวของพวกเธอก็ขายได้ตลอด เพราะมีอะไรให้พูดถึงตลอดเวลา แต่ในวาระครบรอบ 10 ปีของรายการ Keeping Up with the Kardashians ทาง THE STANDARD สนใจที่จะศึกษากลยุทธ์ในการสร้างอาณาจักรพันๆ ล้านของตระกูลนี้ที่แพร่สะพัดไปยังวงการแฟชั่น ดนตรี ความงาม หรือแม้กระทั่งวงการเทคโนโลยีที่คน ณ ซิลิคอน วัลเลย์ ยังต้องซูฮก

 

Photo: ANGELA WEISS/AFP

 

จุดชนวนให้ครอบครัวเป็นที่นิยม

     ก่อนจะลงดีเทลของสมาชิกแต่ละคน เราควรจะเข้าใจความเป็นมาของครอบครัวนี้ก่อน ตระกูลคาร์ดาเชียนเริ่มเป็นที่รู้จักในปี 1994 หลังโรเบิร์ต จอร์จ คาร์ดาเชียน (พ่อของสาวๆ ตระกูลคาร์ดาเชียน) เป็นเพื่อนสนิทและทนายความในคดีแห่งยุค 90s ของนักอเมริกันฟุตบอล โอ.เจ. ซิมป์สัน ที่โดนข้อหาฆ่านิโคล บราวน์ ภรรยาของตัวเอง ซึ่งเขารอดมาได้ และแม้ต่อมาครอบครัวนี้จะเป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมฮอลลีวูด แต่พวกเขาก็ไม่ได้โด่งดังอะไรมากมาย

     พอช่วงปี 2005 คิม คาร์ดาเชียน ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะเพื่อนสนิทของไฮโซสาว ปารีส ฮิลตัน และเป็นสไตลิสต์ให้เหล่าดาราเซเลบ แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2007 เธอดัน (หรือตั้งใจ?) มีเซ็กซ์เทปที่ถ่ายกับแฟนหนุ่ม เรย์ เจ ซึ่งคิมมีการฟ้องร้องค่าย Vivid Entertainment และยุติคดีโดยได้เงินไกล่เกลี่ยมา 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (และยังคงได้ค่าลิขสิทธิ์ทุกปี)

     8 เดือนต่อมา คิมพร้อมครอบครัวคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ก็ประกาศจัดทำเรียลิตี้โชว์แนว ‘Docuseries’ ชื่อ Keeping Up with the Kardashians ทางช่อง E! Entertainment ที่อยู่ภายใต้ NBC Universal และมี Comcast เป็นบริษัทพ่อ โดยรายการนี้ได้พิธีกรเบอร์หนึ่งของวงการอย่างไรอัน ซีเครสต์ มาร่วมทำกับบริษัท Bunim/Murray Productions และให้คริส เจนเนอร์ คุณแม่ของสาวๆ (และคนที่ขายคอนเซปต์รายการนี้) ครองตำแหน่ง Executive Producer อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าทางครอบครัวจะเป็นผู้ควบคุมการตัดต่อของทุกตอน

 

 

 

     คอนเซปต์หลักของรายการ Keeping Up with the Kardashians คือการติดตามชีวิตในแต่ละวันของ 8 สมาชิกในครอบครัว เริ่มด้วยคอร์ตนีย์, คิม, โคลอี้ และร็อบ คาร์ดาเชียน รวมถึงคริส, เคนดัลล์, ไคลี และบรูซ เจนเนอร์ (นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกที่ตอนหลังแปลงเพศเป็นเคทลิน เจนเนอร์ ในปี 2015) ซึ่งการตลาดของรายการนี้ถูกวางให้เหมือนซีรีส์ในตำนานเรื่อง The Brady Bunch ผสมผสานความบ้าบอของเรียลิตี้โชว์ The Osbournes ของช่อง MTV โดยรายการ Keeping Up with the Kardashians ใช้คิมเป็นสมาชิกหลักของรายการในช่วงแรก แต่ต่อมาคนอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น

     กราฟความสำเร็จของรายการถือว่าพุ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ได้มีเรตติ้งสูงปรี๊ดสุดๆ ในช่วงแรก แต่เป็นการสร้างให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการทำโปรเจกต์และรายการ spin-off ต่างๆ เพื่อให้ชื่อเสียงของตระกูลยังอยู่ในกระแสตลอด เช่น รายการพิเศษงานแต่งงานของคิมกับนักบาสเกตบอล คริส ฮัมฟรีย์ ที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยุติลงภายใน 72 วัน และนั่นกลับทำให้ตระกูลคาร์ดาเชียนดังขึ้นสุดๆ

     มาถึงปี 2017 รายการ Keeping Up with the Kardashians ก็ก้าวเข้าสู่ซีซันที่ 14 และถึงแม้เรตติ้งจะเริ่มลดลง แต่ชื่อเสียงของตระกูลนี้ก็ยังดังอย่างถล่มทลาย และมีการสร้างรูปแบบธุรกิจที่ถือว่าครบวงจรและไม่เคยมีครอบครัวไหนในฮอลลีวูดเคยทำได้

 

ทำความรู้จักสมาชิกในครอบครัวนี้

 

Photo: The Evening Standard

 

คริส เจนเนอร์

IG: @krisjenner / Followers: 18.1M

     ถ้าต้องยกหนึ่งบุคคลที่ทำให้ตระกูลคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ได้ก็ต้องยกให้คริส เจนเนอร์ คุณแม่และผู้จัดการใหญ่ของทุกคน สมาชิกคนไหนจะทำอะไร ไปอีเวนต์ไหน เซ็นสัญญาอะไร ก็ต้องผ่านผู้หญิงคนนี้หมด (เธอได้ส่วนแบ่ง 10% จากทุกโปรเจกต์ที่ลูกๆ ทำ) คริสถือได้ว่ามีฝีมือในด้านการตลาดตั้งแต่ช่วยให้สามีเก่า บรูซ เจนเนอร์ (ตอนนี้คือเคทลิน เจนเนอร์) กลับมามีชื่อเสียงในฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจในยุค 90s และเมื่อรายการทีวีเริ่มโด่งดัง เธอก็ได้ก่อตั้งบริษัท Jenner Communications ที่ดูแลทุกส่วนของตระกูลนี้ ทุกวันนี้สมาชิกแต่ละคนจะมีผู้ช่วยและทีมงานเป็นของตัวเอง โดยมีคริสเป็นคนดูภาพรวมและเป็นคนดีลเรื่องการเซ็นสัญญากับโปรเจกต์ใหญ่ๆ เช่น แอปพลิเคชันของลูกสาวทุกคน หรือการต่อสัญญารายการ Keeping Up with the Kardashians

 

Photo: Vanity Fair

 

เคทลิน เจนเนอร์ (บรูซ เจนเนอร์)

IG: @caitlynjenner / Followers: 8.8M

     เป็นสมาชิกที่มีอายุมากที่สุด แต่ก็เป็นสมาชิกใหม่ที่สุดของรายการเช่นกัน (ถ้านับตามชื่อใหม่) สำหรับเคทลิน เจนเนอร์ ที่ 8 ปีแรกของรายการผู้ชมจะรู้จักเขาในฐานะบรูซ เจนเนอร์ ก่อนที่ในปี 2015 เขาได้หย่ากับคริสและตัดสินใจออกมาประกาศว่าตนเองเป็นผู้หญิงข้ามเพศในรายการ 20/20 ของพิธีกร ไดแอน ซอว์เยอร์ และขึ้นปกนิตยสาร Vanity Fair ที่สร้างความฮือฮาจนเคทลินกลายเป็นบุคคลที่มีคนตาม 1 ล้านคนในทวิตเตอร์เร็วที่สุดภายใน 4 ชั่วโมง ซึ่งเอาชนะบารัก โอบามา ต่อมาเคทลินก็ได้ออกไลน์เครื่องสำอางกับ M.A.C, หนังสืออัตชีวประวัติ, และเรียลิตี้โชว์ชื่อ I Am Cait ออกมา

 

Photo: Hollywood Reporter

 

คอร์ตนีย์ คาร์ดาเชียน

IG: @kourtneykadash / Followers: 59.2M

     ถึงแม้จะมีชื่อเสียงน้อยสุดในบรรดาลูกสาวทั้งหมด 5 คน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคอร์ตนีย์ คาร์ดาเชียน จะเลือนหายไปไหน เพราะในรายการเธอก็มักได้แอร์ไทม์กับเรื่องราวความรักคาราคาซังกับแฟนเก่าและพ่อของลูกๆ 3 คนอย่างสก็อตต์ ดิซิก เป็นประจำ และมีซีรีส์ spin-off ทั้ง Kourtney & Kim Take New York และ Kourtney & Khloe Take Miami โดยด้านธุรกิจ เธอก็เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ความงาม Manuka Doctor ของประเทศนิวซีแลนด์ และยังเป็นเสาหลักในการดูแลธุรกิจร้านเสื้อผ้า Dash ที่ทำร่วมกับน้องสาวอย่างคิมและโคลอี้อีกด้วย

 

Photo: Vogue Espana

 

คิม คาร์ดาเชียน เวสต์

IG: @kimkardashian / Followers: 104M

     ราชินีของตระกูลนี้ก็ต้องยกให้คิม คาร์ดาเชียน เวสต์ ที่ทุกวันนี้ยังคงมีข่าวให้อัพเดตกันทุกวินาที และกลายเป็นนักธุรกิจพันล้านภายในชั่วพริบตา (แม้จะโดนกระแสต่อต้านว่าไม่มีความสามารถ) นอกเหนือจากการเป็นสมาชิกหลักของรายการทีวีแล้ว เธอยังหันมาเอาดีด้านเทคโนโลยีกับเกม Kim Kardashian: Hollywood ที่ทำร่วมกับบริษัท Glu Mobile ซึ่งสามารถทำเงินได้มากกว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 6 เดือนแรกที่ปล่อยออกมา (จำนวนเปอร์เซ็นต์ที่คิมได้รับส่วนแบ่งยังไม่มีการเปิดเผย) อีกหนึ่งความสำเร็จล่าสุดก็คือแบรนด์ความงาม KKW Beauty และการเป็นอีกหนึ่งสไตล์ไอคอนของยุคที่ได้ขึ้นปกนิตยสารเป็นประจำ ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับสามี คานเย เวสต์ ที่มีเส้นสายในวงการแฟชั่น และทำให้คิมเป็นที่ยอมรับมากขึ้น

 

Photo: Courtesy of Good American

 

โคลอี้ คาร์ดาเชียน

IG: khloekardashian / Followers: 69.7M

     โคลอี้ คาร์ดาเชียน น่าจะเป็นสมาชิกที่เราได้เห็นวิวัฒนาการมากที่สุดตลอด 10 ปี และเป็นคนโปรดของหลายๆ คนด้วยอารมณ์ขันของเธอ โดยในช่วงปีแรกๆ ของรายการเธอมักถูกมองว่าเป็นลูกสาวที่อวบอั๋นที่สุดและมีปัญหารุมเร้าอยู่ตลอด โดยเฉพาะกับอดีตสามี ลามาร์ โอดอม ที่ติดยาและเคยมีอาการโคม่า แต่ในสองปีให้หลังโคลอี้ก็ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูฟิตแอนด์เฟิร์ม มีคอลเล็กชันกางเกงยีนส์ Good American ที่ทำเงินมากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐในวันแรกที่วางขาย และยังมีรายการเป็นของตัวเอง Revenge Body with Khloé Kardashian ทางช่อง E! ซึ่งกำลังจะมีซีซันใหม่เร็วๆ นี้

 

Photo: www.shemazing.net

 

ร็อบ คาร์ดาเชียน

IG: –

     เป็นอีกหนึ่งสมาชิกที่กำลังผ่านมรสุมชีวิตอันหนักหน่วงและยาวนานหลายปี สำหรับร็อบ คาร์ดาเชียน ลูกชายคนเดียวของตระกูลที่ตอนแรกเป็นคนโปรดของสาวๆ หลายคนเพราะรูปร่างหน้าตา แต่พักหลังร็อบกลับมีปัญหาขาดความมั่นใจ น้ำหนักเกิน และปัญหากับอดีตแฟนสาว แบล็ก ไชน่า ที่กำลังขึ้นศาลฟ้องร้องกันอยู่ (ทั้งคู่เคยทำเรียลิตี้โชว์ด้วยกันชื่อ Rob & Chyna นอกจากนี้ร็อบก็ยังมีธุรกิจถุงเท้า แบรนด์ Arthur George ที่ไปได้ดีทีเดียว และมีขายในห้างดังอย่าง Nordstorm อีกด้วย

 

Photo: celebmafia.com

 

เคนดัลล์ เจนเนอร์

IG: @kendalljenner / Followers: 84.2M

     ไม่ว่าจะเป็นรันเวย์ของ Chanel หรือป้ายโฆษณาเครื่องสำอาง Estée Lauder เราจะเห็นหน้าของเคนดัลล์ เจนเนอร์ สมาชิกที่เลือกเอาดีในวงการแฟชั่น ซึ่งเธอก็รุ่งสุดๆ ในฐานะนางแบบที่ทรงอิทธิพลของยุคอีกคนหนึ่ง หลังเดินบนรันเวย์ Marc Jacobs เป็นที่แรก และต่อมาก็กวาดแคมเปญโฆษณาเป็นว่าเล่น นิตยสาร Forbes ยังจัดให้เคนดัลล์เป็นนางแบบทำเงินอันดับ 3 ประจำปี 2016 กับรายได้ต่อปีมากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากรายการทีวีและการไปโชว์ตัวตามงานต่างๆ

 

Photo: Courtesy of Kendall + Kylie

 

ไคลี เจนเนอร์

IG: @kyliejenner / Followers: 99M

     แม้จะเป็นลูกคนเล็กสุดของตระกูล แต่ความสำเร็จของไคลี เจนเนอร์ ถือว่ากำลังทะยานสู่อันดับหนึ่งของครอบครัว เพราะภายใน 18 เดือน ธุรกิจเครื่องสำอาง Kylie Cosmetics ที่เธอลงทุนเองทั้งหมดก็ทำเงินไปแล้ว 420 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะถึงพันล้านภายในอีกแค่ 5 ปี! (ซึ่งถ้าเทียบกับแบรนด์ดังอย่าง Bobbi Brown ก็ยังใช้เวลาประมาณ 20 ปี) โดยอีกหนึ่งธุรกิจของเธอก็คือไลน์เสื้อผ้า Kendall + Kylie ที่ทำร่วมกับพี่สาว ซึ่งก็มีขายตามห้างดังทั่วโลก เช่น Neiman Marcus

 

 

ทำไมครอบครัวนี้จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

     ความสำเร็จของตระกูลคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์ตลอดสิบปีนั้นอาศัยการวางหมากที่เฉียบคม เข้าใจทิศทางของสังคม รู้จักการบริหารอำนาจของสื่อ โชค และการลองผิดลองถูก แน่นอนว่ารากฐานความสำเร็จของครอบครัวนี้เริ่มจากรายการทีวี Keeping Up with the Kardashians ซึ่งทุกวันนี้ถูกฉายไปยัง 160 กว่าประเทศทั่วโลก โดยสมาชิกในครอบครัวมีการวางคอนเซปต์ตัวเองตามไลฟ์สไตล์และช่วงชีวิตของแต่ละคน ซึ่งทำให้ได้ฐานแฟนคลับที่แตกต่างกันออกไป เช่น คอร์ตนีย์กับการเป็นแม่ลูกสามในช่วงวัยแค่ 30 กว่าๆ ก็จะดึงดูดกลุ่ม Young Mothers ให้ติดตาม ส่วนไคลีและเคนดัลล์ ก็จะได้ฐานวัยรุ่น แม้แต่คริส เจนเนอร์ เองก็จะมีแฟนคลับผู้หญิงวัย 50+ เหมือนเธอที่กำลังจะกลายเป็นคุณยายมือใหม่ แต่ก็ยังอยากสนุกกับชีวิต ซึ่งเมื่อสมาชิกแต่ละคนสามารถเข้าหากลุ่มผู้ชมที่ต่างกันออกไปตามประชากรศาสตร์ (Demographics) แน่นอนว่ายอดเรตติ้งก็จะสูงขึ้น เพราะฐานคนดูที่กว้างขึ้น

     เมื่อครอบครัวนี้รับรู้ถึงฐานแฟนคลับของสมาชิกแล้ว พวกเธอก็จะต่อยอดธุรกิจในการทำโปรเจกต์ต่างๆ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแฟนคลับ เช่น โคลอี้ก็จะจับกลุ่มฟิตเนสและสินค้าด้านสุขภาพเช่นเดียวกับแบรนด์ Good American ที่สะท้อนภาพลักษณ์ชีวิตของเธอ ณ ตอนนี้ ซึ่งถ้าให้เธอไปจับไลน์เครื่องสำอางเต็มตัวอย่างไคลีก็คงไม่เหมาะ เพราะเธอไม่ได้ถนัด

 

ภาพบน จากซ้ายไปขวา: แคมเปญ Balmain Fall/Winter 2015, แคมเปญ Good American

ภาพล่าง จากซ้ายไปขวา: เกม Kim Kardashian Hollywood, แคมเปญ Manuka Doctor

 

     แต่จะมีสินค้าที่ดีขนาดไหน ในยุคนี้ก็ต้องพึ่งพาสื่อให้คนได้รู้จัก โดยเฉพาะกับโซเชียลมีเดียที่ครอบครัวนี้มีคนตามทุกแพลตฟอร์มรวมมากกว่า 800 ล้านคน! ซึ่งเฉพาะแค่ไคลีก็มีราว 200 ล้านคนแล้ว นั้นแปลว่าเมื่อจะขายอะไรสักอย่าง ภาพที่ออกไปก็จะถึงมือแฟนคลับเป็นร้อยๆ ล้านภายในคลิกเดียว เช่น คิมสามารถขายผลิตภัณฑ์คอนทัวร์ของตัวเองจำนวน 300,000 แท่งภายใน 24 ชั่วโมง และทำเงินได้ถึง 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยขายผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องไปจัดอีเวนต์ In Store หรือลงโฆษณาในสื่ออื่นๆ ยกเว้นแค่ให้สมาชิกในครอบครัวช่วยแชร์ภาพ ซึ่งตระกูลนี้ก็ทำอยู่เป็นประจำ

     และด้วยอำนาจของครอบครัวนี้กับโซเชียลมีเดีย จึงกลายเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายแบรนด์จึงมักจ้างให้ครอบครัวนี้เป็นพรีเซนเตอร์หรือถ่ายแบบลงนิตยสาร โดยบางแบรนด์ยอมจ่ายเงินเป็นแสนเหรียญสหรัฐเพื่อให้ได้ลงรูปลงในอินสตาแกรมของพวกเธอ

     ส่วนอีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญก็คือเคนดัลล์กับวงการแฟชั่น ที่ประมาณ 4 ปีก่อน วงการนี้ยังมีความ ‘อี๋’ กับดาราหรือคนดังที่มาจากเรียลิตี้โชว์ เพราะคิดว่าไม่แพงและดูแมสเกินไป แต่พอมาในยุคนี้ที่คนใช้สื่อออนไลน์เป็นหลัก การที่จะให้สินค้าไปสู่สายตาคนให้มากที่สุด แบรนด์จึงต้อง ‘ยอม’ ใช้บุคคลที่มีฟอลโลเวอร์เยอะ ประเด็นนี้เห็นได้จากนิตยสาร Vogue ที่บรรณาธิการบริหารของเล่มอย่างแอนนา วินทัวร์ มักจะให้เคนดัลล์มาถ่ายแบบ ซึ่งแม้ ‘คนแฟชั่น’ จะไม่ชอบเธอขนาดไหน หรือคิดว่าเคนดัลล์เป็นนางแบบที่จืดชืด แต่ทุกครั้งที่เธอโพสต์รูปผลงานให้แฟนๆ ทั่วโลกได้เห็น ตัวนิตยสารก็ได้รับความสนใจมากขึ้นและเป็นการเพิ่มยอด Engagement ซึ่งนิตยสารก็ต้องการในเชิงธุรกิจและการเรียกเม็ดเงินโฆษณา และสำหรับตัวเคนดัลล์เอง สิ่งนี้ก็จะช่วยสร้างมูลค่าให้เธอดูแพงขึ้น และช่วยในการโปรโมตสินค้าของตัวเอง เช่น ไลน์เสื้อผ้า Kendall + Kylie ที่ในตอนหนึ่งของรายการทีวีเคยมีนักวิจารณ์จาก Vogue มาเยี่ยมชมที่โชว์รูม (จุดนี้เป็นการจัดฉากไหม เราคงไม่อาจรู้)

 

 

 

 

 

อนาคตที่ต้องจับตามอง

     หลายคนไม่เคยคิดว่าตระกูลคาร์ดาเชียนและเจนเนอร์จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ภายในเวลาเพียง 10 ปี ทั้งยังเป็นที่จับตามองอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าทุกคนในครอบครัวนี้มีเงินในบัญชีมากพอที่จะอยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิตแล้ว แต่เราเชื่อว่ามันยังไม่จบเท่านี้ เพราะกับรุ่นลูกรุ่นหลาน สมาชิกหลายคนก็เริ่มทำมาร์เก็ตติ้งกันแล้ว เช่น คิมกับแบรนด์เสื้อผ้าเด็ก Kid’s Supply แม้จะยังเป็นข่าวลือว่าไคลีกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งถ้าจริง เราก็เชื่อว่าเธอต้องผุดโปรเจกต์อะไรสักอย่างออกมาแน่นอน ส่วนเคนดัลล์เอง เราก็เริ่มเห็นเธอทำโปรเจกต์เป็นช่างภาพให้กับนิตยสาร Love ซึ่งไม่น่าแปลกใจถ้าเธอจะเลือกทำงานเบื้องหลังวงการแฟชั่น

 

     สำหรับรายการทีวี Keeping Up with the Kardashians ก็มีกระแสหนาหูว่ากำลังจะยกเลิก เพราะสมาชิกบางคนเริ่มเหนื่อยที่ต้องทำงานควบคู่กับโปรเจกต์อื่นๆ แต่ล่าสุดตระกูลคาร์ดาเชียนก็เพิ่งเซ็นสัญญาใหม่กับช่อง E! จนถึงปี 2020 พร้อมเงินค่าตอบแทนที่บางสื่อบอกว่าสูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ! เราเชื่อว่าครอบครัวนี้จะไม่ปล่อยให้รายการนี้จบลงง่ายๆ หลังปี 2020 เพราะถ้ารายการทีวีจบลง ข่าวสารของครอบครัวนี้ก็จะฮวบลงทันที เพราะทุกวันนี้สื่อก็ยังคงนำประเด็นต่างๆ ในแต่ละตอนมาเขียน ซึ่งทำให้พวกเธอยังอยู่ในกระแส

     คงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันไม่เลิกว่า ‘ความสามารถของครอบครัวนี้อยู่ตรงไหน’ ซึ่งถึงแม้คนจะเกลียด จะดูถูก หรือคิดว่าพวกเธอไม่มีคุณสมบัติใดๆ แต่การที่พวกเธอได้โอกาสและรู้ว่าต้องเล่นกับมันอย่างไรเพื่อสร้างอาณาจักรของตัวเอง สิ่งนี้ถ้าไม่ได้เรียกว่า ‘ความสามารถ’ เราก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

 


 

 

Cover Photo: Balmain x Yeezy

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising