วันนี้ (19 ตุลาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ กล่าวถึงกรณีนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายยังคงตั้งคำถาม แต่สิทธิที่จะทำนโยบายเป็นสิทธิของรัฐบาล แต่เมื่อทำไปแล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบ เมื่อเกิดความเสียหายอะไรขึ้นกับประเทศและส่วนรวม
วันนี้ตนได้เสนอญัตติให้กรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล โดยมีกระทรวงการคลัง ผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้แทนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มา 3 ฝ่าย
ทั้งนี้ จะขอตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบแทนประชาชน เพราะเชื่อว่าคนทั้งประเทศอยากรู้อย่างน้อย 2 ข้อ คือ 1. จะทำอย่างไร 2. จะนำเงินมาจากไหน ถ้าไม่ใช้เงินงบประมาณและไม่กู้ เชื่อว่าเรื่องนี้คนไทยทั้งประเทศต้องการคำตอบ เพราะวันนี้ยังไม่มีคำตอบ ยังคลุมเครือ ยังไม่มีความชัดเจน มีเพียงการติดตามจากข่าวว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ยังไม่มีคำยืนยันจากผู้ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและลงมือปฏิบัติจริง
“วันนี้หวังว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน และสามารถแจ้งให้ประชาชนเจ้าของภาษีได้ทราบได้ เพราะสุดท้ายก็ต้องเอาเงินของประชาชน เอาเงินคนไทยมาแจก ไม่ได้เอาเงินส่วนตัวมาแจก” จุรินทร์กล่าว
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายมองว่าเป็นการเอื้อทุนใหญ่ที่อยู่ในระบบดิจิทัลให้เอาเงินสีดำไปแปลงเป็นเงินสีขาวหรือไม่ จุรินทร์กล่าวว่า สำหรับตนหากติดตามจะเห็นว่าตนไม่ด่วนวิจารณ์ เพราะความชัดเจนยังไม่เกิดขึ้น แต่เป็นสิทธิของผู้ที่มีความรู้และคนไทยทุกคนที่จะตั้งข้อสังเกตและติดตามได้ เพราะเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ดังนั้นก็เป็นสิทธิของคนทั้งประเทศที่จะรับรู้และตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกต ซึ่งรัฐบาลก็ต้องรับฟัง
จุรินทร์ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ความไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้นสุดท้ายแล้วก็ยังมีความคลุมเครือ ไม่มีความชัดเจนจนถึงวันนี้ เป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรครัฐบาล หากเป็นนโยบายหาเสียงต้องมีความชัดเจนตั้งแต่วันหาเสียงว่าจะทำอย่างไร แต่กลายเป็นว่ามาเริ่มต้นนับหนึ่งหลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว จนขณะนี้ก็ยังไม่นับหนึ่งเลย ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เกิดขึ้น
“หวังว่าวันหนึ่งจะมีความชัดเจน แต่แน่นอนวันหนึ่งจะต้องมีความชัดเจน แต่ระหว่างทางอย่าตำหนิคนที่ตั้งคำถาม อย่าตำหนิคนที่ตั้งข้อสังเกต และอย่าไปตำหนิประชาชน เพราะประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ เพราะว่าเป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนมาใช้ เจ้าของเงินก็ต้องมีสิทธิที่จะรับรู้ได้” จุรินทร์กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์ว่ามีการฟอกเงินครั้งใหญ่นั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ พยายามที่จะให้โอกาสรัฐบาลและให้ความเป็นธรรม จะเห็นได้ว่าตนไม่เคยบอกให้เลิก และบอกว่าเป็นสิทธิของรัฐบาลที่จะมีนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งเรื่องเงินดิจิทัลฯ แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะเอาเงินของคนทั้งประเทศมาทำในสิ่งที่เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองและเกิดการทุจริต ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าเป็นอย่างนั้น แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น มีสิทธิแค่ทำนโยบาย และต่อไปตนก็จะให้ความเห็นกับเรื่องนี้ จะทำหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะทำแอปพลิเคชันขึ้นมาใหม่ ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดก่อน มองว่าแอปเป๋าตังยังสามารถใช้กับเงินดิจิทัลฯ ได้หรือไม่นั้น เป็นคำถามโดยกว้างขวางจากประชาชนว่าทำไมถึงไม่ใช้ระบบแจกเงินสดผ่านแอปเป๋าตัง แต่ส่วนตัวยังไม่ขอถาม เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร ยังคงมีความคลุมเครืออยู่
เมื่อถามอีกว่า รัฐบาลจะเปลี่ยนเงื่อนไขจาก 4 กิโลเมตร เป็นไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะทาง จุรินทร์กล่าวว่า วันนี้ตนอยากให้มีหลักให้ชัดเจนเสียก่อนว่าจะทำอย่างไร ยังยืนยันแจกเป็นโทเคน หรือจะแจกเป็นเงินสดเหมือนที่หลายฝ่ายเรียกร้อง และตอบให้ได้ว่าเอาเงินมาจากไหน หากไม่เอามาจากเงินงบประมาณและไม่ใช้เงินกู้ เป็นเรื่องที่ประชาชนอยากทราบ เพราะสุดท้ายก็เป็นภาระของคนไทยทุกคนที่จะใช้หนี้ต่อไปในอนาคต จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องมีสิทธิรับรู้ ซึ่งวันนี้ตนจะหาความชัดเจนใน 2 ข้อ และจะทำหน้าที่ติดตามเรื่องนี้แทนประชาชน