×

ไทยยังเนื้อหอมในสายตาชาวญี่ปุ่นที่ยังยืนหนึ่งลงทุนในไทยมากสุด รองลงมาคือจีน และสิงคโปร์ ครึ่งปีขนเงินเข้าไทย 4.8 หมื่นล้านบาท

19.07.2023
  • LOADING...
ญี่ปุ่น ลงทุน ไทย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุ ครึ่งปีแรกไทยอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มากกว่า 326 ราย เม็ดเงินลงทุน 48,000 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากสุดคือญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ขุดเจาะปิโตรเลียมบนพื้นที่สัมปทานอ่าวไทย ขณะที่คำขอการลงทุนพุ่งขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า และ FDI จีน เป็นนักลงทุนรายใหญ่ มูลค่ามากสุดถึง 60,000 ล้านบาท

 

ทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ครึ่งปีแรกของปี 2566 (เดือนมกราคม-มิถุนายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 326 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 48,927 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,222 คน

 

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. ญี่ปุ่น ลงทุน 17,527 ล้านบาท
  2. จีน ลงทุน 11,505 ล้านบาท
  3. สิงคโปร์ ลงทุน 6,916 ล้านบาท
  4. สหรัฐอเมริกา ลงทุน 2,913 ล้านบาท
  5. สวิตเซอร์แลนด์ ลงทุน 1,857 ล้านบาท

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 15% โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อาทิ บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย บริการบำรุงรักษาหลุมขุดเจาะปิโตรเลียมบนชายฝั่ง การบริการซอฟต์แวร์ ประเภท Enterprise Software และ Digital Content

 

ขณะที่การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม-มิถุนายน 2566 มีมูลค่า 10,771 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของเงินลงทุนทั้งหมด

 

นอกจากนี้สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 ประเทศไทยมีคำขอการลงทุนพุ่งขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากโครงการของนักลงทุนต่างชาติในภาคส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีโครงการลงทุน 80 โครงการ มูลค่า 19,600 หมื่นล้านบาท

 

จากการยื่นคำขอมีมูลค่ารวม 364,400 ล้านบาท (10,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เพิ่มขึ้น 141% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 304,000 ล้านบาท

 

โดยจีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าโครงการ 61,500 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์และญี่ปุ่น 59,000 ล้านบาท และ 35,300 ล้านบาท ตามลำดับ

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising