×

หุ้นญี่ปุ่นกำลังออกจาก ‘ทศวรรษที่สาบสูญ’ แต่เวลานี้สายเกินไปหรือยังหากจะเข้าซื้อ

27.06.2023
  • LOADING...
หุ้นญี่ปุ่น

HIGHLIGHTS

  • ‘ทศวรรษที่สาบสูญของญี่ปุ่น’ (Japan’s Lost Decade) เริ่มต้นจากปี 1990 หลังจากฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นของญี่ปุ่นแตก ส่งผลให้อัตราการเติบโต GDP ที่แท้จริงต่อปีของญี่ปุ่น ช่วงปี 1995-2002 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่สำคัญของโลก
  • ผู้เชี่ยวชาญหลายคนประเมินว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกจากทศวรรษที่สาบสูญอย่างเป็นทางการในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ขนาด GDP กลับไปสู่จุดก่อนเกิดฟองสบู่แตกอย่างยั่งยืน
  • แต่ดัชนีหุ้นญี่ปุ่นอย่าง Nikkei 225 ดูเหมือนจะยังไม่สามารถหลุดพ้นจากทศวรรษที่สาบสูญไปได้ เพราะไม่เคยกลับไปสู่จุดสูงสุดที่ราว 38,900 จุด เมื่อเดือนธันวาคมปี 1989 ได้อีกเลย
  • อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี Nikkei 225 วิ่งขึ้นอย่างร้อนแรง เพิ่มขึ้นราว 25% สู่ระดับ 33,000 ดอลลาร์ เท่ากับช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 1990 ทำจุดสูงสุดรอบ 23 ปี พร้อมกับความสนใจจากนักลงทุนระดับตำนานอย่าง Warren Buffett

หลังจากญี่ปุ่นประสบกับภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นของญี่ปุ่นแตก ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เศรษกิจของประเทศก็ประสบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาและถดถอย ที่หลายคนเรียกว่า ‘ทศวรรษที่สาบสูญของญี่ปุ่น’ (Japan’s Lost Decade)

 

โดยในช่วงปี 1995-2002 อัตราการเติบโต GDP ที่แท้จริงต่อปีของญี่ปุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่สำคัญของโลก เช่น ยูโรโซนที่ 2.7% และน้อยกว่ากลุ่มประเทศ G7 อื่นๆ ได้แก่ แคนาดา (3.4%) ฝรั่งเศส (2.3%) เยอรมนี (1.4%) อิตาลี (1.8%) สหราชอาณาจักร (2.7%) และสหรัฐอเมริกา (3.2%)

 

เปิดสาเหตุผลักญี่ปุ่นเข้าสู่ ‘ทศวรรษที่สาบสูญ’

 

นักเศรษฐศาสตร์หลายคน รวมถึง Paul Krugman มองว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของญี่ปุ่นเกิดขึ้นเนื่องจากการตกอยู่ในกับดักสภาพคล่อง ซึ่งหมายความว่าการดำเนินนโยบายการเงินอย่างการลดอัตราดอกเบี้ยกลายเป็นเครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยจะเห็นจากการลงทุนภาคเอกชนไม่เติบโต แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะต่ำมากก็ตาม ทำให้แทบไม่เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ในญี่ปุ่น

 

นอกจากนี้นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนยังมองว่ามีเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ทศวรรษที่สาบสูญ ได้แก่ โครงสร้างจำนวนประชากรสูงอายุของญี่ปุ่น ขณะที่จำนวนคนรุ่นใหม่ลดน้อยลง ส่งผลให้ประชากรวัยทำงานลดน้อยลง เนื่องจากผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะบริโภคน้อยกว่าผู้ที่อายุน้อยกว่า สิ่งนี้ทำให้ตลาดผู้บริโภคในประเทศหดตัวลง การแข็งค่าอย่างมากของเงินเยน ทำให้ผู้ผลิตในญี่ปุ่นจำนวนมากย้ายฐานไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชีย และประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการคลังที่ลดลง

 

สิ่งเหล่านี้นับเป็นการสร้างปัญหาเพิ่มเติมจากปัญหาอื่นๆ เช่น การจัดสรรเงินให้กับรัฐบาลท้องถิ่นมากไป และหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเงินกองทุนของ Basel ที่ทำให้ธนาคารญี่ปุ่นลังเลที่จะให้กู้ยืมเงินแก่ธุรกิจสตาร์ทอัพและ SMEs ทำให้นวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของญี่ปุ่นถดถอย

 

ญี่ปุ่นออกจาก Lost Decades หรือยัง?

 

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนประเมินว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกจากทศวรรษที่สาบสูญอย่างเป็นทางการในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ขนาด GDP กลับไปสู่จุดก่อนเกิดฟองสบู่แตกอย่างยั่งยืน

 

เมื่อพูดถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากดัชนี Benchmark อย่าง Nikkei 225 กลับพบว่าบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นยังคงตกอยู่ใน ‘ทศวรรษที่สาบสูญ’ เนื่องจากดัชนี Nikkei 225 ยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดสูงสุดที่ราว 38,900 จุด เมื่อเดือนธันวาคมปี 1989 ได้เลย

 

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ดัชนี Nikkei 225 วิ่งขึ้นอย่างร้อนแรง เพิ่มขึ้นราว 25% สู่ระดับ 33,000 ดอลลาร์ เท่ากับช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 1990

 

Morningstar (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 33 ปี อาจเป็นผลจากหลายปัจจัย ทั้งการที่นักลงทุนอย่าง Warren Buffett เข้าไปลงทุน เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสการลงทุนที่เกิดขึ้น หรืออาจเพราะความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นคนใหม่อย่าง Kazuo Ueda ส่งผลให้เกิดกระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นในประเทศญี่ปุ่นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

 

แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าหุ้นญี่ปุ่นนั้นสามารถที่จะหลุดออกจากภาวะ Lost Decades ได้หรือไม่ แต่ข้อมูลในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap) มากถึง 3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเม็ดเงินที่ไหลเข้านั้นนับว่ามากเป็นอันดับที่ 2 รองจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าในหุ้นกลุ่ม Global Large Cap

 

โอกาสของการลงทุนในญี่ปุ่น?

 

Daniel Hurley ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดเกิดใหม่ของ T. Rowe Price เชื่อว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ฟื้นจากภาวะโควิดเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการปฏิรูปเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัทต่างๆ ในช่วงตั้งแต่ยุค Abenomics ในปี 2015 ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาให้ความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นได้

รวมทั้งยังมีบริษัทที่ดีที่คาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรในอนาคตได้อีกมากเช่นกัน และเชื่อว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของกระแสเงินที่ให้ความสนใจลงทุนในตลาดญี่ปุ่น ทั้งนี้ Tokyo Stock Exchange ปัจจุบันยังซื้อขายที่ราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (Price to Book Value) ต่ำกว่า 1 เท่า

ปัจจัยที่อยากให้นักลงทุนติดตามคือการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในช่วงอีก 12 เดือนต่อจากนี้ ว่าจะเข้มงวดทางการเงินมากขึ้นและรวดเร็วเกินไปหรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินเยนและการส่งออกของประเทศได้

ด้าน ณัฐ ตรีพูนสุข ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะหลุดจาก Lost Decades ได้แล้ว ด้วยเหตุผลคือปัญหาหลักที่ผู้คนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยค่อยๆ คลี่คลายลง โดยเฉพาะหลังจากที่ญี่ปุ่นใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ ทำให้คนไม่อยากฝากเงิน รวมทั้งปัญหาสังคมสูงอายุที่เริ่มมองเห็นทางออกจากการเข้ามาของ AI

 

ขณะเดียวกันจะเห็นว่าภาคอสังหาริมทรัพย์มียอดขายและราคาดีขึ้น โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว รวมทั้งโซนที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่น

 

“แต่หุ้นญี่ปุ่นจะวิ่งขึ้นไปต่อได้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขสำคัญที่ว่าเงินเยนยังคงอ่อนค่า เพราะธุรกิจส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นเทรดดิ้ง”

 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือเงินดอลลาร์มีแนวโน้มจะอ่อนค่า หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเข้าสู่จุดพีค ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปแคบลง กดดันให้เงินเยนมีโอกาสแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยอาจจะเริ่มเห็นการแข็งค่าของเงินเยนในไตรมาส 4 ปีนี้

 

“กลยุทธ์ในเวลานี้คือรอให้ตลาดเริ่มย่อตัว และลงทุนเกาะไปกับหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งได้แรงหนุนจากกองทุน Passive Fund ทั่วโลก”

 

‘ค่าเงิน’ ปัญหาหลักของการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น

 

ระหว่างทางของปีนี้ ดัชนี Nikkei 225 เคยปรับตัวขึ้นกว่า 26% แต่หากคำนวณเป็นเงินในสกุลดอลลาร์ ดัชนีจะเพิ่มขึ้นเพียง 18% เท่านั้น อิงจากข้อมูลของ QUICK FactSet เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า 8% เทียบกับเงินดอลลาร์

 

John Vail หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนทั่วโลกของ Nikko Asset Management กล่าวว่า “ตลาดที่วิ่งขึ้นพร้อมด้วยการอ่อนค่าของเงินเยนจะยังเป็นขาขึ้นต่อไปหากกำไรของบริษัทต่างๆ ขยายตัวได้ทันกับราคาที่เพิ่มขึ้น”

 

การอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของเงินเยนตั้งแต่ปีก่อน เป็นผลจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างหนักสวนทางกับหลายประเทศทั่วโลก

 

คำถามที่ตามมาคือ หุ้นญี่ปุ่นจะยืนหยัดอยู่ได้นานเพียงใด หากเงินเยนไม่ได้อ่อนค่าหรืออัตราดอกเบี้ยไม่ได้อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้

 

หากมองหุ้นญี่ปุ่นบนสกุลเงินดอลลาร์ จะเห็นว่าดัชนี Nikkei ลดลง 15% จากสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ 277.76 ดอลลาร์ เมื่อ 21 มกราคม 2021 แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการปรับตัวขึ้นของหุ้นญี่ปุ่นในรอบนี้เป็นการวิ่งขึ้นอย่างมีคุณภาพมากกว่าเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งครั้งนี้หุ้นญี่ปุ่นซื้อขายที่ P/E ราว 23 เท่า เทียบกับปัจจุบันที่เพียง 13-15 เท่า

 

Jonathan Garner นักกลยุทธ์ตลาดเอเชียและตลาดหุ้นเกิดใหม่ของ Morgan Stanley มองว่า การอ่อนค่าของเงินเยนเป็นตัวช่วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของการวิ่งขึ้นในครั้งนี้

 

“เงินเยนที่อ่อนค่าเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยบวกเสริมจากเรื่องของธุรกิจต่างๆ ที่ถูกปฏิรูปให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหาร การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นรายย่อย โฟกัสเรื่องการสร้างผลตอบแทน และยังนำไปสู่เรื่องของการจ่ายเงินปันผลที่มากขึ้น และการซื้อหุ้นคืน”

 

Garner กล่าวต่อว่า “ช่วงที่ผมเริ่มติดตามหุ้นญี่ปุ่นเมื่อปี 2012 กำไรต่อหุ้นของดัชนี TOPIX อยู่ที่ราว 50 เยน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 200 เยน เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากเมื่อ 10 ปีก่อน แน่นอนว่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่มันไม่มีทางจะอ่อนค่าได้ถึง 10 เท่า”

 

Oliver Lee ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Eastspring Investments กล่าวว่า “ภาพในระยะสั้นจากตัวบ่งชี้ทางเทคนิคต่างๆ สะท้อนว่าหุ้นญี่ปุ่นจะปรับขึ้นได้อย่างมั่นคงมากขึ้น หากเห็นการชะลอตัวหรือปรับฐานเล็กน้อย”

 

อย่างไรก็ตาม ภาพระยะยาวสำหรับญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง หนุนจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่างๆ ที่ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันจะเห็นว่านักลงทุนสถาบันต่างชาติยังคงถือครองหุ้นญี่ปุ่นไม่มากนัก

 

การไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องของหุ้นญี่ปุ่นทำให้นักลงทุนต่างจับตามองว่าท้ายที่สุดดัชนี Nikkei จะสามารถวิ่งกลับขึ้นไปสู่จุดที่เคยอยู่เมื่อในช่วงปี 1989-1990 ได้อีกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเงินเยนเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising