หลายครั้งที่ได้ลิ้มรสไวน์แล้วได้ทราบข้อมูลที่ว่าด้วย ‘รส’ ของไวน์ต่างๆ บ้างก็บอกว่ามีรสชาติคล้ายเบอร์รี ไวน์ตัวนี้แทนนินสูงจัง หรือไวน์ตัวนี้ดื่มง่ายบอดี้เบามาก แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าไวน์แต่ละชนิดมีรสชาติแตกต่างกันอย่างไร ต้องใช้จินตนาการควบคู่ไปด้วยหรือเปล่า หรือใช้เพียงแค่ลิ้นของคุณให้เป็นประโยชน์?
รสชาติไวน์ที่แตกต่างนั้นขึ้นอยู่กับ 5 รสสัมผัสที่จะบ่งบอกคาแรกเตอร์ของไวน์แต่ละชนิดได้ อันประกอบไปด้วย ความหวาน, อะซิดิตี้ (ความเปรี้ยว), แทนนิน (ความขม), แอลกอฮอลล์ และบอดี้ ซึ่งรสสัมผัสทั้ง 5 นี้จะช่วยให้คุณรับรู้ถึงความแตกต่างของไวน์แต่ละชนิดได้อย่างชัดเจนที่สุด และแน่นอนว่าเมื่อไวน์สัมผัสต่อมรับรสในปากของคุณ คุณจะต้องใช้ลิ้นของคุณให้เป็นประโยชน์ เพราะลิ้นจะสามารถรับรสที่ครบครันได้ทั้งหมดที่กล่าวมา
ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าหากเวลาคุณไปร่วมจิบไวน์ในงาน Wine Tasting แล้ว พวกเขาจะเริ่มจิบเพียงเล็กน้อยและโยกมวลไวน์ไปให้ทั่วช่องปากเพื่อให้ลิ้นคุ้นเคยกับรสชาติของไวน์ก่อน เพื่อให้ประสาทสัมผัสทั้งหมดนั้นได้รับรสชาติที่แท้จริงเข้าไป โดยส่วนที่ทำหน้าที่รับรสขมก็คือลิ้นส่วนท้ายและเหงือกของคุณ ส่วนของลิ้นด้านหน้าสุดที่มักใช้แลบออกมาเวลาถ่ายภาพกับเพื่อนๆ ส่วนนี้เองคือส่วนที่จะรับรสชาติความหวาน ส่วนของด้านข้างลิ้นทั้งสองฝั่งค่อนไปทางท้ายลิ้นคือส่วนที่รับรสความเปรี้ยว และส่วนด้านข้างที่ค่อนไปทางปลายลิ้นคือส่วนที่รับความเค็ม แต่ทีนี้ลิ้นของเราจะสามารถบ่งบอกรสชาติที่แตกต่างของไวน์แต่ละชนิดได้อย่างไรล่ะ
มีรสชาติบางรสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์อย่างเช่น รสชาติของอะซิดิตี้ หรือความเปรี้ยว ที่จะให้ความรู้สึกสดชื่น มีกลิ่นและรสชาติคล้ายๆ ความเปรี้ยวในผลไม้เป็นส่วนใหญ่ และถ้าคุณอยากรู้ว่าไวน์ที่คุณดื่มมีความเปรี้ยวมากน้อยแค่ไหน เรามีทริกมาฝากง่ายๆ เพียงแค่ลองดื่มไวน์เล็กน้อย กลั้วเบาๆ โยกมวลไวน์ไปให้ทั่วปาก แล้วบ้วนออกมา ถ้าหลังจากบ้วนแล้วคุณรู้สึกว่ามีน้ำลายออกมาเป็นจำนวนมาก นั่นแปลว่าไวน์นั้นมีความเปรี้ยวสูงนั่นเอง!
จริงๆ แล้วรสชาติของแทนนิน หรือความขม เป็นรสที่มนุษย์เราสัมผัสได้ง่ายดายมาก ซึ่งปรากฏอยู่ในไวน์แดงเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงในไวน์ขาวบางชนิด สัมผัสจะคล้ายๆ กับการที่คุณดื่มกาแฟหรือชา ที่คุณจะรู้สึกถึงความเฝื่อนได้ทันท่วงที และถ้าคุณอยากรู้ความแตกต่างของแทนนินว่าขวดไหนแทนนินน้อยหรือมาก เราแนะนำให้คุณหาไวน์แดงปิโนต์ นัวร์, เมอร์โลต์ และคาเบอร์เน็ต โซวิญง มาดื่มเรียงลำดับ เพราะไวน์สามชนิดนี้จะให้รสแทนนินที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ลองแล้วมาบอกกันหน่อยสิว่าต่างกันแค่ไหน
เมื่อรับรสเปรี้ยวรสฝาดไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คุณเห็นอยู่ทุกครั้งบนขวดไวน์คือ การระบุปริมาณแอลกอฮอล์ไว้เสมอ แต่ถ้าอยากรู้ได้โดยสัมผัสของคุณเองว่าไวน์ขวดนี้แอลกอฮอล์น้อยหรือมาก หากไวน์ขวดไหนมีปริมาณแอลกอฮอล์มากหน่อยที่ราว 14% ขึ้นไป เราจะได้รับสัมผัสอุ่นๆ บริเวณเหงือกและโคนลิ้น และนั่นหมายความว่าไวน์ขวดนั้นผลิตมาจากองุ่นในแถบโลกใหม่ที่โดนแสงแดดมาก ทำให้องุ่นสุกกว่าไวน์ในโลกเก่าที่หนาวเย็น องุ่นลอตนั้นจึงมีปริมาณน้ำตาลที่แปรสภาพเป็นแอลกอฮอล์ได้มาก ค่าแอลกอฮอล์จึงมากตามไปด้วย ใช้แค่ความรู้สึกบนลิ้นเองนะ!
และอย่างสุดท้ายที่คุณต้องใช้ลิ้นให้คุ้นเคยคือการจำแนกมวลไวน์ ว่าไวน์ที่คุณดื่มอยู่มีบอดี้เป็นแบบไหน เบา กลาง หรือหนัก หากเป็นไวน์บอดี้เบาๆ ลิ้นของคุณจะได้รับสัมผัสลื่นไหลเหมือนดื่มน้ำเปล่า แต่ถ้าหากเป็นไวน์ที่บอดี้หนักขึ้น ลิ้นของคุณจะรู้สึกเหมือนกับกำลังดื่มน้ำผลไม้ที่ผสมเนื้อผลไม้เข้าไปด้วย มันจะค่อนข้างมีความหนืดนิดหน่อย และมีรสชาติเข้มข้นกว่า
ลองใช้ลิ้นของคุณให้เป็นประโยชน์ และจำแนกรสชาติที่แตกต่างของไวน์ที่คุณชอบดื่มดูสิ แล้วคุณจะพบว่าการดื่มไวน์มีเสน่ห์ต่อรสสัมผัสของมนุษย์มากแค่ไหน
เชียร์สสิรออะไร!
อย่าลืมเตรียมช่องปากให้พร้อมก่อนจิบไวน์ด้วยล่ะ!
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- หากไม่อยากลุกออกจากบ้านให้วุ่นวาย สามารถช้อปปิ้งไวน์ออนไลน์ได้แล้วที่นี่
- ผู้บรรลุนิติภาวะควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ควรขับขี่ยานพาหนะหากบริโภคแอลกอฮอล์
- หมายเหตุ: สุราเป็นเหตุก่อมะเร็ง เซ็กซ์เสื่อม ก่อให้พิการและเสียชีวิต เป็นเหตุทะเลาะวิวาทและอาชญากรรม สามารถทำร้ายครอบครัวและทำลายสังคมได้