“ถ้าใครก็ตามสั่งเมอโลต์ กูจะกลับ กูไม่แ*กเมอโลต์โว้ย!”
วาจาโผงผางและท่าทีอาละวาดแต่พอดีของ ‘ไมล์ส’ ที่เขามีต่อ ‘แจ็ค’ เพื่อนที่เอื้อนเอ่ยปากแกมประชดว่าจะดื่มไวน์ ‘เมอโลต์’ (Merlot) ระหว่างเดินเท้าไปรับประทานอาหาร คำพูดดังกล่าวและการแสดงของ พอล จิอาแม็ตติ ในบท ไมล์ส ได้กลายเป็นเสมือนฉากจำหนึ่งฉากจากภาพยนตร์เรื่อง Sideways (2004) ไปอย่างน่าสนใจ ซีนเดียวในระยะเวลาเพียงราว 60 วินาที แต่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง ไหนจะคิดถึงเมียเก่าตัวเองที่ชอบดื่มไวน์เมอโลต์ (ส่วนตัวเขาชอบปิโนต์ นัวร์) ไหนจะต้องมีอารมณ์ดูถูกเหยียดแคลนว่าเมอโลต์เป็นไวน์แบบที่ ‘เขาไม่ชอบ’ และแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ทั้งด้านรสชาติและทัศนคติกับไวน์ชนิดดังกล่าวอย่างหมดจด
คำถามคือ เมอโลต์ไปทำอะไรให้เขานักหนา?!
https://www.youtube.com/watch?v=KXXDC5FarhE
ในแง่ของศาสตร์ภาพยนตร์ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วฉากดังกล่าวคือการแสดงแสนยานุภาพทางการแสดงของนักแสดงที่อยากจะสื่อสารบทบาทและการตีความตัวละครของพวกเขาที่ต้องหย่าร้างกับภรรยาผู้ชื่นชอบไวน์แดงอย่างเมอร์โลต์เป็นพิเศษ หรือวิธีการใช้เสียงให้ตรงกับอารมณ์และเสียงเย้ยหยันท่าทางประชดประชันที่พอลแสดงออกมา แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเพียงชั่วพริบตาในฉากนั้นคือการสั่นคลอนวงการอุตสาหกรรมไวน์อย่างไม่น่าเชื่อทั้งทางตรงและทางอ้อม และเราจึงอยากพาคุณไปสำรวจปรากฏการณ์ดังกล่าวที่ถูกขนานนามว่า ‘The Sideways Effect’
พอล จิอาแม็ตติ ในบท ไมล์ส และโทมัส เฮเดน เชิร์ช ในบท แจ็ค
เล่าเรื่องอย่างย่อที่สุด Sideways คือหนังที่ว่าด้วยเรื่องของผู้ชายห่วยๆ สองคนคือ แจ็ค ที่กำลังจะแต่งงาน และไมล์ส หนุ่มอีกคนเพิ่งหย่ากับภรรยาที่เขารัก พวกเขาวางแผนกันไปโรดทริปตระเวนดื่มไวน์ทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และชีวิตพวกเขาก็พบเจอการเปลี่ยนแปลงและเรื่องราวใหม่ๆ ที่ทำให้ชีวิตและทัศนคติเปลี่ยนไปผ่านการบอกเล่าโดยใช้ไวน์เป็นการอุปมาอุปไมย ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับ อเล็กซานเดอร์ เพย์น ที่เคยทำหนังดราม่าแต่อารมณ์ดีอย่าง The Descendants (2011) และหนังย่อไซส์เรื่องล่าสุดอย่าง Downsizing (2017) และที่เราบอกว่าพวกเขาเป็นผู้ชายห่วยๆ ก็เพราะพวกเขาต่างมีภูมิหลังที่ล้มเหลวกันมาทั้งนั้น ไมล์สที่หลังจากเลิกกับภรรยาก็กลายเป็นคนวิตกจริต ซึมเศร้า ส่วนแจ็คเองถึงแม้จะกำลังแต่งงาน แต่ชีวิตการทำงานก็ล้มเหลวและไม่เอาไหน
หนังที่มีตัวละครตระเวนชิมไวน์ไปเรื่อยมีทุนสร้างแค่ไม่สิบล้านเหรียญสหรัฐ โปสเตอร์ก็เขียวอี๋ติดตา คือส่วนผสมที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะกลายมาเป็นแรงกระเพื่อมที่ทำให้อุตสาหกรรมไวน์นั้นได้รับผลกระทบอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังส่งผลกระทบในวงกว้างไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกด้วย แต่มันกระทบอย่างไรล่ะ
ย้อนกลับไปที่ประโยคด้านบน “ถ้าใครก็ตามสั่งเมอโลต์ กูจะกลับ กูไม่แ*กเมอโลต์โว้ย!” สงสัยมันคงจะตราตรึงผู้ชมมากเกินไปหน่อย เพราะหลังจากภาพยนตร์เข้าฉายในเดือนตุลาคม ปี 2004 พบว่าไวน์เมอร์โลต์มียอดขายตกลงประมาณ 2% จากงานศึกษาของ สตีเวน ซูเอลลาร์ อาจารย์เศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโซโนมา ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และยอดที่ตกลง 2% ที่ว่าก็ใช่ว่าจะตกแค่เดือนสองเดือน เพราะยังส่งผลกระทบตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2005 จนถึงปี 2008! ขณะเดียวกัน ไวน์ที่ตัวเอกอย่างไมล์สชื่นชอบคือ ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) กลับมียอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจถึงกว่า 16%!
ในขณะที่ไวน์เมอร์โลต์นั้นมียอดขายและการผลิตลดลงหลังจากภาพยนตร์เข้าฉาย แต่กับไวน์ปิโนต์ นัวร์ นั้นกลับมีการผลิตเพิ่มขึ้นในแคลิฟอร์เนียกว่า 170% หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าฉาย รวมทั้งยังส่งผลไปถึงในแง่ของเกษตรกรรม เพราะการปลูกองุ่นสำหรับผลิตปิโนต์ นัวร์ ในสหรัฐอเมริกาก็เพิ่มขึ้นราว 7-8% จากการสำรวจของ Vineyard Financial Associates
“ผมคิดว่าผู้คนเริ่มหันมาสนใจไวน์ชนิดอื่นๆ มากขึ้น พวกเขาอยากเสาะหารสชาติใหม่ๆ หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย” กาเบรียล ฟรอยโมวิช นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมไวน์จากสถาบันดังกล่าวแสดงความคิดเห็น
“ไวน์เมอร์โลต์ช่างน่าสงสาร” คำกล่าวของ บิลลี ดิม หนึ่งในผู้ทำไวน์ในเมืองโลสโอลิวอส ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำของซีนในตำนาน “องุ่นพันธุ์เมอร์โลต์คือหนึ่งในองุ่นที่ปลูกอย่างแพร่หลายเป็นจำนวนมากบนโลก และหนังเรื่องนี้ก็สร้างความเสียหายจากบทภาพยนตร์ดังกล่าวอย่างมาก” เขากล่าวเสริม
จิม เทย์เลอร์ (ซ้าย) และอเล็กซานเดอร์ เพย์น กับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
แต่ถึงแม้จะโดนค่อนขอดว่าบทภาพยนตร์นั้นสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องไวน์ให้กับผู้ชม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า Sideways คือภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกที่คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก 5 สถาบันใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ทั้งลูกโลกทองคำ รวมถึงรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากออสการ์อีกด้วย
อาจเป็นเพราะในโลกภาพยนตร์ไม่ค่อยมีหนังเรื่องไหนที่หยิบยกเอาเรื่องราวของไวน์มาดัดแปลงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไม ‘The Sideways Effect’ จึงส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างเหลือเชื่อ
หยิบไวน์รสชาติโปรดแล้วลองคว้าภาพยนตร์กวนๆ อย่าง Sideways มาชมสุดสัปดาห์นี้เพื่อพิสูจน์เรื่องราวที่ว่ากันสักหน่อยดีกว่า
เชียร์ส!
อ้างอิง:
- www.npr.org/sections/thesalt/2017/07/05/535038513/the-sideways-effect-how-a-wine-obsessed-film-reshaped-the-industry
- www.winesandvines.com/features/article/61265/The-Sideways-Effect
- www.imdb.com/title/tt0375063
- ภาพยนตร์เรื่อง Sideways เข้าฉายในเดือนตุลาคม ปี 2004 มีทุนสร้างประมาณ 12,000,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 374 ล้านบาท ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 109,706,931 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,421 ล้านบาท
- บทนำอย่างไมล์สเคยเกือบจะตกเป็นของจอร์จ คลูนีย์ แต่ผู้กำกับบอกว่า “เขาดูเป็นซูเปอร์สตาร์เกินไป”