×

บีทีเอสขอ กทม. คิดถึงยอดหนี้รถไฟฟ้าที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกวัน น้อมรับคำตัดสินศาลที่ช่วยพิสูจน์ข้อเท็จจริงที่บริษัทต้องเจอ

โดย THE STANDARD TEAM
30.07.2024
  • LOADING...

วันนี้ (30 กรกฎาคม) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส นำโดย คีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ, สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และ พ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ร่วมกันชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง (เดือนพฤษภาคม 2562 – พฤษภาคม 2564)

 

และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (เดือนเมษายน 2560 – พฤษภาคม 2564) จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท 

 

คีรีกล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่บีทีเอสได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงจนได้รับความเป็นธรรมจากศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ปีในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า เราทำงานอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ให้กับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนรับทราบมาโดยตลอด และ ณ วันนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความพยายามที่บีทีเอสทำมาตลอดนั้นไม่สูญเปล่า และยังเป็นการยืนยันคำพูดของตนว่า 

 

“บีทีเอสทำงานบนพื้นฐานความถูกต้อง และได้ปรึกษาทีมกฎหมายอย่างครบถ้วน ถ้าสัญญาไม่พร้อมหรือไม่ถูกต้อง ตนย่อมไม่ลงนามอย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพราะบีทีเอสเป็นบริษัทมหาชน ดังนั้นตนต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นทุกคน รวมถึงกลุ่มผู้โดยสารที่ตนยืนยันเสมอมาว่าจะไม่หยุดเดินรถอย่างแน่นอน” คีรีกล่าว

 

คีรีกล่าวต่อว่า ที่สำคัญคำพิพากษาเกี่ยวกับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ จะเป็นแนวทางในการพิจารณาคดีในหนี้ส่วนที่เหลือต่อไป เบื้องต้นบีทีเอสได้รับทราบจากข่าวของสื่อมวลชนว่า กทม. พร้อมชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท 

 

อย่างไรก็ดี บีทีเอสก็อยากให้ กทม. และ KT คำนึงถึงยอดหนี้ในส่วนที่เหลือด้วย เนื่องจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงสิ้นสุด ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 มีจำนวนกว่า 39,402 ล้านบาท แบ่งเป็น 

 

  • ยอดหนี้ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่ให้ กทม. และ KT ร่วมกันชำระให้กับบีทีเอส เป็นเงินจำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท 
  • ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ให้ กทม. 
และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับบีทีเอสของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทาง
ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (หนี้ค่าจ้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 – ตุลาคม 2565) 
เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
  • ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 
และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 – มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ 
เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท 
  • ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน พ.ศ. 2585 

 

คีรีกล่าวว่า บีทีเอสยินดีและพร้อมเจรจากับ กทม. และ KT ในการหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้บริการสาธารณะเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป ทั้งนี้ หากทั้งสองหน่วยงานมีแนวทางอื่นๆ ที่อยากให้พิจารณา บีทีเอสก็ยินดีและพร้อมเจรจา หากข้อเสนอเหล่านั้นมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

 

“ผมรู้สึกดีใจ และเป็นชัยชนะให้กับตัวเองที่ต่อสู้อย่างบริสุทธิ์มาโดยไม่ยอมแพ้ เชื่อว่าลูกหนี้เข้าใจ เพราะสัญญาและการจัดซื้อจัดจ้างไม่มีอะไรผิด ฉะนั้นสิ่งที่เราทำมา หรือสิ่งที่ตนเคยพูด พวกเราทำอะไรตรงไปตรงมา และทำในสิ่งที่ถูกต้องตลอดเวลา หวังว่า กทม. และ KT จะเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเอกชนอย่างเราที่ไม่เคยหยุดให้บริการเดินรถ และควรให้ฝ่ายกฎหมายเร่งพิจารณาแนวทางการชำระหนี้แก่บีทีเอสโดยเร็ว” คีรีกล่าว

 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising