วานนี้ (11 ตุลาคม) พล.ท. ดร.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ในรายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ถึงสถานการณ์สงครามอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส และสิ่งที่ภาครัฐควรช่วยเหลือประชาชนไทยในอิสราเอล
พล.ท. ดร.พงศกร กล่าวว่า สงครามอิสราเอล-ฮามาสมีโอกาสไม่บานปลาย หากทั้งคู่เจรจากันดีๆ นอกจากนี้ ชาติมหาอำนาจ เช่น สหรัฐอเมริกา, อิหร่าน, รัสเซีย และจีน ยังไม่พร้อมทำสงคราม เนื่องจากจุดประสงค์ที่แท้จริงคือต้องการได้อะไรติดมือบ้าง แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายมากขนาดนี้
โดยยกตัวอย่างกลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าวของจีน ที่ศัตรูรวบรวมกำลังทหารและไพร่พลไว้จุดศูนย์กลาง เกิดความเข้มแข็งมากขึ้น แต่เหมาะกับการใช้เพื่อดึงแยกศัตรูให้แตกออกจากกัน
ฉะนั้น หากมองสงครามยูเครน-รัสเซียจะพบจุดโยงกับกลยุทธ์นี้คือ เมื่ออิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม สหรัฐอเมริกาก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ส่งผลต่อการลดงบประมาณช่วยเหลือยูเครน เนื่องจากสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาการเงิน ทำให้รัสเซียได้อานิสงส์ ได้พักฟื้น ไม่ต้องหายใจไม่ทั่วท้องบ้าง เป็นการตัดกำลังคู่แข่งไปในตัว
“ผมเชื่อว่าถ้าคุยกันดีๆ จบได้ (สงครามอิสราเอล-ฮามาส) เพราะทุกชาติไม่พร้อมทำสงครามด้วย สิ่งที่ชาติมหาอำนาจจะทำได้คือ พยายามไม่ให้อิสราเอลบุก และฮามาสจำเป็นต้องสูญเสียเยอะหน่อย จึงจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ พอคุยกันได้” พล.ท. ดร.พงศกร ขยายความ
ด้าน ดร.ศราวุฒิ ระบุว่า สหรัฐอเมริกาและยุโรปคงไม่พร้อมทำสงคราม เนื่องจากทุ่มสรรพกำลังไปยังสงครามยูเครน-รัสเซียแล้ว รวมทั้งชาติตะวันออกกลางก็ไม่อยากให้สถานการณ์บานปลายเช่นกัน
“ภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง แต่พอซาอุดีอาระเบียปรับเปลี่ยนนโยบาย ออกไปสานความสัมพันธ์กับทุกประเทศที่มีปัญหา สภาพแวดล้อมทั้งหมดก็เปลี่ยนไป มีความสงบมากยิ่งขึ้น หากภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงวุ่นวายจะทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นสนามแข่งขันของมหาอำนาจโลกได้” ดร.ศราวุฒิ กล่าวเพิ่ม
ดร.ศราวุฒิ ระบุอีกว่า มีโอกาสที่สงครามจะไม่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาคือ อิสราเอลสูญเสียคนเป็นจำนวนมาก จึงอาจต้องการเอาคืนกลุ่มฮามาส
ส่วนยอดคนไทยที่ประสงค์กลับบ้านเกิน 5,000 คนนั้น พล.ท. ดร.พงศกร กล่าวว่า รัฐบาลต้องเจรจากับอิสราเอลในการนำตัวประกันไทยและอพยพคนกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
และที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ต่อให้ประชาชนกลับถึงไทย แต่ภาครัฐต้องดูแลกลุ่มเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง อย่าไม่เหลียวแลหรือไม่สนใจ อย่าช่วยเหลือแค่พากลับบ้าน แต่ต้องติดตามชีวิตความเป็นอยู่ สัญญาจ้าง และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่ ดร.ศราวุฒิ กล่าวเสริมว่า ต่อให้ช่วยเหลือคนไทยที่ประสงค์กลับบ้านกว่า 5,000 คน แต่ยังมีแรงงานไทยราว 5,000 คนที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ฉะนั้น รัฐบาลต้องคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อนำคนกลุ่มเหล่านี้มาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยให้ได้
