×

เป็นคน Introvert ถูกหาว่าหยิ่ง แต่อยากมีเพื่อนที่ออฟฟิศ จะทำอย่างไรดี?

13.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. read
  • ยิ้มขึ้นมานิด สร้างธรรมชาติใหม่ขึ้นมา เรื่องที่เรากลัวบางทีมันมาจากการที่เราไม่คุ้นเคยกับมัน ถ้าเราลองได้ทำความคุ้นเคยกับมันมากขึ้น เราก็จะกลัวมันน้อยลง และฝึกไปเรื่อยๆ คนที่เป็นอินโทรเวิร์ตก็จะเกร็งน้อยลง เวลาต้องเจอกับคนอื่นหรือคนแปลกหน้า
  • แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะสูญเสียความเป็นตัวของเราเอง เรายังเป็นอินโทรเวิร์ตที่เลือกได้ว่าเราจะเลือกอยู่เงียบๆ คนเดียว หรืออยู่กับคนไม่กี่คนที่เราคุ้นเคย มากกว่าอยู่กับคนเยอะๆ ที่เราไม่คุ้นเคย แต่เราแค่ฝึกตัวเราให้สามารถอยู่ในที่ที่เราไม่คุ้นเคย หรืออยู่กับคนที่เราไม่คุ้นเคย

Q: หนูเป็นคนอินโทรเวิร์ต (Introvert) ชอบเก็บตัวเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบคนแปลกหน้า ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง หนูกำลังจะไปเริ่มงานที่บริษัทใหม่ กังวลกับสังคมที่ทำงานใหม่มากค่ะ อยากมีเพื่อนนะคะแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง หน้าหนูโดยธรรมชาติก็เหมือนจะหยิ่งอยู่แล้วด้วย คนก็ไม่กล้าเข้าหา จะให้หนูเข้าหาก่อนหนูก็กลัว จะเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ยังไงดีคะ

 

A: บอกก่อนเลยว่า พี่ก็เป็นคนอินโทรเวิร์ตเหมือนกัน ฮ่าๆ เอาเป็นว่าพี่พอจะเข้าใจน้องเหมือนกันครับว่ารู้สึกไม่มั่นใจอย่างไรเวลาอยู่ในสังคมที่มีแต่คนแปลกหน้า ยิ่งกว่านั้น อีกอย่างที่คล้ายกับน้องคือ พี่เป็นคนที่ถ้าเวลาหน้านิ่งๆ จะดูดุ ดูหยิ่ง ดูมีระยะห่าง แต่จริงๆ แล้วพี่ไม่ได้หยิ่งอย่างหน้าเลย ออกจะน่ารักน่ากิน ฮ่าๆ

 

เอาเรื่องหน้าหยิ่งก่อน ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่เพื่อนใกล้ตัวหลายคนสะท้อนให้ฟังว่า ตอนที่ยังไม่รู้จักกันเขารู้สึกว่าพี่น่าจะหยิ่ง ดูดุ ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เท่าไร แต่พอรู้จักกันจริงๆ ไม่เป็นแบบนั้น หยิ่งกว่าเดิมอีก เอ้ย! ไม่ใช่! รู้จักกันแล้วถึงรู้ว่าพี่เป็นคนสบายๆ มีอารมณ์ขัน น่ารักและน่าตบกบาลบ้างในบางคราว นั่นแหละที่ทำให้พี่รู้ตัวว่า อ๋อ ถ้าเราไม่ยิ้มหน้าเราจะดูดุมากเลยว่ะ หรือไม่คนต้องคิดว่าหน้าเราไปทำโบท็อกซ์มาเยอะจนขยับมุมปากขึ้นมายิ้มไม่ได้เลย แถมตายังตี่อีกไง คนจึงมองไม่เห็นความสดใสซุกซนในแววตา ฮ่าๆ เพราะฉะนั้น เราต้องรู้ตัวก่อนว่าหน้าตาโดยธรรมชาติของเรามันเป็นแบบนี้ และมันอาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจเราผิดได้

 

จริงๆ เราจะไม่แคร์ก็ได้นะครับว่าคนจะคิดอย่างไรกับเรา ก็ในเมื่อมันเป็นความเข้าใจผิดเราจะแคร์ไปทำไม แต่พี่ไม่ค่อยชอบให้ใครมาแปะป้ายว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่เราไม่ได้เป็น โดยเฉพาะแปะป้ายในสิ่งที่ไม่ดีที่เราไม่ได้เป็นแบบนั้น พี่ก็เลยเริ่มปรับตัวเอง จากเดิมที่หน้านิ่งๆ ตลอดเวลาคือหน้าที่เป็นธรรมชาติของเรา พี่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนใหม่ ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมาหน่อย แล้วให้หน้าที่สดใสขึ้นมาหน่อยนี่แหละเป็นธรรมชาติของเรา

 

เราสร้างธรรมชาติของเราขึ้นมาใหม่ เรียกว่าทำบ่อยๆ จนคุ้นเคยและกลายเป็นธรรมชาติของเรา เพราะฉะนั้น จากเดิมหน้านิ่งแล้วดันดูหยิ่งเคยเป็นธรรมชาติของเรา ก็เปลี่ยนใหม่ให้กลายเป็นหน้าที่ยิ้มขึ้นมาบ้างให้เป็นธรรมชาติของเราแทน นึกถึงเรื่องที่มีความสุขไว้ หน้าตาก็ค่อยๆ ส่องประกายความสุขออกมา แต่ไม่ได้แปลว่าให้ยิ้มตลอดเวลานะครับ เอาว่าเมื่อไรที่นึกได้ว่าเราหน้าบึ้งอีกแล้วก็พยายามดึงให้ตัวเองยิ้มขึ้นมาหน่อย ยิ่งถ้าเราเป็นอินโทรเวิร์ตที่ไม่ค่อยมั่นใจที่จะเข้าหาคนอื่นก่อน อย่างน้อยเราไม่ได้หน้าบึ้ง หน้าหยิ่ง หน้าจิก คนอื่นก็อยากจะเข้าหาเราก่อนได้ง่ายกว่าครับ

พี่คิดว่าเราต้องมีทั้งโหมด Introvert และ Extrovert ในคนเดียวกัน รู้ว่าเมื่อไรจะใช้โหมดไหน ปรับวอลุ่มหนักเบาเอา

ส่วนเรื่องอินโทรเวิร์ต เมื่อก่อนพี่เป็นคนเก็บตัวมาก ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร รู้สึกประหลาดๆ เวลาเจอคนแปลกหน้า แต่ด้วยหน้าที่การงานมันค่อยๆ สอนให้พี่ปรับตัวและพบว่า คนที่เราไม่รู้จักก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่หว่า พอไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้เขิน ไม่เกร็งมากอย่างก่อนแล้ว พี่เลยคิดว่า เรื่องที่เรากลัวบางทีมันมาจากการที่เราไม่คุ้นเคยกับมัน ถ้าเราลองได้ทำความคุ้นเคยกับมันมากขึ้น เราก็จะกลัวน้อยลง แรกๆ อาจจะกลัวมาก เกร็งมาก แต่ทำไปเรื่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ เราก็จะรู้สึกเกร็งน้อยลง ไม่ใช่แค่กับเรื่องการเข้ากับคนนะครับ แต่พี่คิดว่าทุกเรื่องที่เรากลัวมันมาจากการที่เราไม่รู้และไม่คุ้นเคย แต่เมื่อเราทำความคุ้นเคยมากขึ้น หรือพยายามเรียนรู้จากมันมากขึ้น ความกลัวก็จะน้อยลง

 

แต่ไม่ได้แปลว่าน้องต้องมาเปลี่ยนจากเป็นอินโทรเวิร์ตแล้วกลายเป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ต (Extrovert) ขึ้นมาทันที หรือต้องสูญเสียความเป็นตัวเอง พี่ยังคงเป็นคนอินโทรเวิร์ตที่เลือกได้ว่าชอบอยู่เงียบๆ คนเดียว หรือกับคนไม่กี่คนมากกว่าอยู่กับคนเยอะๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่เราแค่ฝึกตัวเราจนไม่รู้สึกกลัวที่จะต้องไปอยู่ในที่ที่เราไม่คุ้นเคย และเราก็รู้ว่าต่อให้ไม่ชอบการอยู่กับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยแค่ไหน เดี๋ยวเราก็กลับบ้านไปอยู่เงียบๆ ของเราคนเดียวอยู่แล้ว

 

พี่คิดว่าเราต้องมีทั้งโหมด Introvert และ Extrovert ในคนเดียวกัน รู้ว่าเมื่อไรจะใช้โหมดไหน ปรับวอลุ่มหนักเบาเอา

 

ถ้าอยากมีเพื่อน อยากทำความรู้จัก พี่ว่าเริ่มต้นง่ายที่สุดคือยิ้ม ยิ้มให้ก่อนเลย และยกมือไหว้ ทำตัวสุภาพนอบน้อม พูดจามีหางเสียง ค่ะ/ครับ นี่ประตูก็เปิดแล้ว อาจจะลองดูก่อนว่าคนไหนดูเป็นมิตรก็เริ่มต้นจากคนนั้นแหละ คนที่ดูเอ็กซ์โทรเวิร์ตก็ได้นะครับ เพราะคนที่เป็นเอ็กซ์โทรเวิร์ตมีแนวโน้มจะชวนเราคุยต่อได้ และช่วยเชื่อมโยงเราไปรู้จักกับคนอื่นๆ ทำให้เรารู้จักเพื่อนใหม่ๆ ไปในตัวผ่านเอ็กซ์โทรเวิร์ตนี่แหละ หรือเริ่มจากคนใกล้ตัวเราก่อน เช่น คนที่นั่งใกล้เรา หัวหน้าเรา เอ่ยคำว่า “สวัสดี” ก่อนเลย เดี๋ยวที่เหลือจะค่อยๆ ตามมา

 

แต่สำหรับอินโทรเวิร์ตมือใหม่ที่หัดเข้าหาคนอื่นก่อน ถ้านึกไม่ออกว่าจะคุยกับคนอื่นเรื่องอะไรดี พี่ว่าน่าจะลองเริ่มจากเรื่องทั่วไป เรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ บทสนทนาจะได้ไม่จอดตั้งแต่เริ่ม อาจจะสังเกตก็ได้นะครับว่าคนนั้นสนใจอะไรอยู่ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องเดียวกับที่เราสนใจพี่ว่าน่าจะคุยต่อได้ง่ายขึ้น

 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ไม่ต้องกลัวนะครับ ทำงานไปก็จะคุ้นเคยกันมากขึ้น ความเกร็ง ความเป็นคนแปลกหน้ากันก็จะหายไป ที่สำคัญคือการเป็นคนสุภาพ มีมารยาท ถ้าเป็นแบบนี้ใครๆ ก็จะรักครับ

 

พี่มีความเห็นของอินโทรเวิร์ตอีกคนคือครูออน-ญาณิมา ศรีมังคละ

 

“ก่อนอื่นเลย ขอแสดงความยินดีด้วยที่ก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซน และอยากสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ

 

ทีนี้ ต้องทำความเข้าใจนิดหนึ่งว่า การที่เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ได้ทำสำเร็จใน 1 วัน  แรกๆ จะฝืนๆ หน่อย อาจต้องลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำบ้าง แต่รับรองว่าถ้าทำต่อเนื่องเวิร์กแน่นอน

 

เทคนิคที่จะให้มีชื่อว่า 3 Magic Words 3 เทคนิคพิชิตใจ   

 

1. ‘พวกเดียวกัน’ เรามักชอบคนที่เหมือนกับเรา ให้ลองสังเกตว่าเขามีอะไรที่เหมือนกับเราบ้าง แล้วยกเรื่องนั้นมาคุยกับเขา หมาที่เลี้ยง ทีมฟุตบอล อาหารที่ชอบ เรื่องที่ชอบเหมือนกันจะคุยได้ยาว สังเกตจากข้าวของเครื่องใช้รอบตัวเขาได้  หรือจากการพูดคุยก็ได้ มักมีร่องรอยเสมอ (เช่น เคสมือถือลายแมว ชอบแมวแน่ๆ ชวนคุยเรื่องแมว เลี้ยงกี่ตัว ชื่ออะไร / เชียร์แมนยู คุยเรื่องแมนยู เราอย่าเชียร์ลิเวอร์พูลออกนอกหน้า)

 

2. ‘หมั่นชม’ เรามักจะรู้สึกดีเมื่อได้รับคำชม แต่เรามักเขินอายไม่ค่อยกล้าชมคนอื่น ทั้งที่คำชมเป็นตัวทำลายกำแพงความห่างเหินได้ดี ใครชมเรา เราจะรู้สึกว่าเค้าเป็นมิตร อยากคุยต่อด้วย อะไรๆ ก็ง่ายขึ้น ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มชมอะไร เริ่มจากเสื้อผ้า หน้าผม ง่ายๆ วันนี้เธอแต่งหน้าสวยจัง นาฬิกาเก๋จริง ได้หมด หรือชมในสิ่งที่เขาทำได้ดี ลึกไปกว่านั้นคือชมนิสัยใจคอ

 

3. ‘คนสำคัญ’ ทำให้เขารู้สึกเป็นคนพิเศษ แล้วเขาจะจดจำคุณได้มากขึ้น เช่น วันเกิด สิ่งที่เค้าชอบ เรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟัง และอีกเคล็ดลับที่ทำให้เขาเป็นคนสำคัญคือ ชื่อ…ของเจ้าตัว คุณจำชื่อเขาได้ เรียกชื่อเขาในการสนทนาบ่อยๆ บางคนมักตีบทเนียน ทำงานร่วมกัน เรียกเธอๆ น้องๆ คนฟังรู้สึกไม่มีตัวตน ชื่อนี่แหละเป็นการให้ความสำคัญ สร้างสัมพันธ์ให้เกิดขึ้น เดล คาร์เนกี้ (Dale Carnegie) นักพูดระดับโลก เคยพูดเอาไว้ว่า ‘คำพูดที่ไพเราะที่สุด คือชื่อของเรานั่นเอง’

 

“พวกเดียวกัน – หมั่นชม – คนสำคัญ ลองเอาไปใช้ดูค่ะ”   

 

อินโทรเวิร์ตคนนี้เป็นกำลังใจให้ครับ

 

* ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising