ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีเด็กและผู้หญิงอินเดียถูกข่มขืนและกระทำชำเราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นปัญหาระดับชาติและมีคดีค้างอยู่ในศาลกว่า 1 แสนคดี นำไปสู่การเรียกร้องให้รัฐบาลปรับแก้กฎหมายลงโทษและหามาตรการป้องกันการก่ออาชญากรรมดังกล่าวในอนาคต
ล่าสุด รัฐบาลอินเดีย นำโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ปรับเพิ่มโทษประหารชีวิต คดีข่มขืนและกระทำชำเราเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี พร้อมปรับเพิ่มโทษจำคุกคดีข่มขืนและกระทำชำเราเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปีและผู้หญิงแล้ว (ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมในกรณีที่เด็กผู้ชายหรือผู้ชายตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามทางเพศ)
การปรับแก้กฎหมายมีขึ้นหลังกระแสเรียกร้องปะทุขึ้นอีกครั้งจากเหตุการณ์ข่มขืนและฆาตรกรรมหนูน้อยอะซิฟา บาโน (Asifa Bano) วัย 8 ขวบ ก่อนนำศพไปทิ้งไว้ในป่าในเมืองคาทัว แคว้นแคชเมียร์ ก่อนจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวฮินดูรวม 8 คน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา รวมถึงข่าวพัวพันคดีข่มขืนเด็กอายุ 16 ปีของสมาชิกพรรคภารตียชนตา (Bharatiya Janata Party: BJP) พรรครัฐบาลของนายโมดี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน อินเดียเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่สั่งปรับลดโทษประหารลง มีนักโทษเพียง 2-3 คนที่ถูกประหารชีวิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายยาคุป เมมอน (Yakub Memon) ผู้ให้การสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ในเมืองมุมไบ เมื่อปี 1993 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 257 คนและได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 713 คน เป็นนักโทษประหารแขวนคอคนสุดท้ายของอินเดีย นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2015
อ้างอิง: