ว่าด้วยเรื่องของ ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ หรือที่เรามักเรียกชื่อกันรวมๆ ทั่วไปจนติดปากว่า ‘มาม่า’ อาหารที่มีความสำคัญมากมายหลายมิติตั้งแต่ระดับประเทศจนถึงครัวเรือน
เมื่อมองอย่างง่าย ยุคที่ข้าวของเครื่องใช้ราคาเป็นเหตุเป็นผลกับรายรับของประชาชน ถ้าข้าว 1 มื้อพอกับค่าแรง 1 วัน คนส่วนใหญ่คงเลือกที่จะกินข้าวเพื่อให้อิ่มท้องและได้รับโภชนาการที่เหมาะสม แต่หากวันหนึ่งที่ข้าว 1 มื้อราคาปาเข้าไปกว่าครึ่งหนึ่งของค่าแรง 1 วัน อาหารทางเลือกที่ช่วยให้อิ่มท้องได้ดีก็คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ดัชนีมาม่าเป็นอีกเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างไม่เป็นทางการ ที่เราสามารถวัดได้ว่าเศรษฐกิจในประเทศดีหรือไม่ เพราะถ้าช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีหรือกำลังถดถอย ยอดขายของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารยังชีพอิ่มท้อง ราคาถูก จะเติบโตนำหน้าสินค้าอื่นๆ แต่หากเศรษฐกิจดี ยอดขายสินค้าชนิดนี้จะน้อยลงไปตามธรรมชาติ
วันนี้ (25 สิงหาคม) วันที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกปรับราคาขึ้นวันแรก การเปลี่ยนแปลงในวันนี้ถือว่าเป็นรอบ 14 ปี ซึ่งจากนี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้ชื่อสินค้า มาม่า ไวไว และยำยำ หนึ่งในประเภทสินค้าควบคุม กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อนุญาตให้ปรับราคาขึ้นอีก 1 บาท จากราคาเดิมที่ 6 บาท เป็น 7 บาท
THE STANDARD พาไปสำรวจความเป็นไปของผู้ที่อยู่ปลายน้ำที่ต้องรับมือกับคลื่นราคาครั้งนี้ ว่าพวกเขาตั้งรับกันอย่างไร
‘ร้านอาหารตามสั่งท้ายซอยตลาดมหานาค’ เจ้าของร้านเล่าให้เราฟังว่า ไม่ตกใจที่วันนี้มาม่าจะแพงขึ้น เพราะตลอดทั้งปี น้ำมัน ก๊าซ เครื่องปรุง วัตถุดิบทุกอย่างทยอยขึ้นราคากันมาหมดแล้ว เชื่อว่าวันนี้มันก็เป็นอีกวันที่ทุกคนต้องเจอ หลังจากนี้เมนูที่ต้องมีมาม่าเป็นส่วนประกอบที่ร้านจะยังคงราคาเท่าเดิม แต่อาจจะต้องปรับลดในส่วนของเนื้อสัตว์ที่ใส่ประกอบ “ขอคนละครึ่งทางกับลูกค้า”
‘ร้านยำกลางตลาด’ ที่มีเมนูขายดีสุดคือยำมาม่า บอกกับเราว่า เขาไหวตัวทันที่จะซื้อมาเก็บไว้ส่วนหนึ่ง ทำให้ตอนนี้ที่ร้านยังคงขายมาม่าด้วยราคาทุนเท่าเดิม แต่ถ้าวันที่ของหมดแล้วต้องเริ่มซื้อใหม่ อาจจะคิดอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร เขาอาจจะลองแนะนำลูกค้าแบบตลกว่า “ยำวุ้นเส้นที่ร้านก็อร่อยเหมือนกัน”
‘ร้านขายส่งของแห้ง’ ที่ทั้ง 4 ชั้น 8 แถว ถูกจัดเรียงเต็มไปด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือป้ายราคายังไม่ถูกเปลี่ยน เจ้าของร้านแห่งนี้ให้เหตุผลว่า แม้วันนี้จะเป็นการเริ่มต้นขึ้นราคาแล้ว แต่ทางร้านที่ยังขายสินค้าล็อตก่อนประกาศราคาใหม่ก็จะต้องขายราคาเดิม เพราะราคานี้ถือว่าที่ร้านซื้อตอนที่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การที่จะปรับราคาได้นั้นหมายถึงเริ่มลงของรอบใหม่ “ซื่อสัตย์กับลูกค้า ให้เวลาเขาได้ปรับตัว”
