×

ศูนย์วิจัยกสิกรปรับเพิ่ม GDP ปี 64 เป็น 0.2% รับคลายล็อกดาวน์-เปิดประเทศ ส่วนปีหน้าคาดเติบโต 3.7%

27.10.2021
  • LOADING...
GDP

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ดีขึ้นจากหดตัว -0.5% มาอยู่ที่ 0.2% ตามปัจจัยบวกเรื่องการกระจายวัคซีนที่เร่งตัวขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ในเดือนสิงหาคม การเบิกจ่ายภาครัฐที่ออกมาดีกว่าคาด การคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศที่เร็วขึ้นนี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.5 แสนคนมาเป็น 1.8 แสนคน 

 

อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าผลกระทบจากน้ำท่วมและภาระการครองชีพที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตลอดจนความเสี่ยงการแพร่เชื้อในประเทศจะกลับมาหลังเปิดประเทศยังเป็นปัจจัยที่ทำให้การปรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2564 เป็นไปอย่างจำกัด 

 

“เรามองว่าไตรมาส 3 ที่ GDP หดตัว -3%YoY และ -4.4%QoQ น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยแล้ว โดยในไตรมาส 4 เศรษฐกิจน่าจะกลับมาขยายตัวได้ 3.6%QoQ จากปัจจัยบวกข้างต้น แต่ปัจจัยเสี่ยงในเรื่องน้ำท่วม ราคาน้ำมันและการแพร่ระบาดระลอกใหม่ก็กดดันให้การปรับประมาณการขึ้นยังทำได้จำกัด” ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าว

 

เกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2564 จะสร้างความเสียหายให้กับภาคเกษตรประมาณ 6-7 ล้านไร่ รวมถึงนอกภาคเกษตร เช่น ภาคบริการและแรงงานรับจ้างรายวันที่ได้รับผลกระทบจากการที่ธุรกิจหยุดชะงักลงบางพื้นที่ในกว่า 30 จังหวัด ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 0.16% ของ GDP ซึ่งน้อยกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2551, 2553 และ 2560 ที่ผ่านมา

 

ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีต่อภาคธุรกิจในปี 2564 เกวลินมองว่า ในกรณีที่ราคาน้ำมันดีเซลในระยะที่เหลือของปีนี้อยู่ในช่วง 25.0-29.2 บาทต่อลิตร จะมีผลให้ต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 0.55-0.73% และต้นทุนขนส่งเพิ่มขึ้นประมาณ 0.33-0.44% หรือรวมกันธุรกิจจะมีต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นราว 1% 

 

ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้นและต้นทุนการจัดการโควิด ในขณะที่กำลังซื้อในประเทศยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ ทำให้การส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคยังไม่สามารถทำได้ในทันที

 

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 ณัฐพรมองว่า เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้ที่ 3.7% จากความครอบคลุมของประชากรที่จะได้รับวัคซีนเกินกว่า 70% ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ลงและการดำเนินธุรกิจไม่หยุดชะงัก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการส่งออก การใช้จ่ายครัวเรือนที่ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ และการกลับมาบริโภคหลังจากอั้นไว้ในช่วงล็อกดาวน์ 

 

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงจะอยู่ที่ราคาพลังงานสูงและเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะ Stagflation โดยมองเงินเฟ้อในปี 2565 ที่ 1.6% บนเงื่อนไขที่ราคาน้ำมันโลกไม่ได้ยืนอยู่ในระดับสูงมากกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นระยะเวลายาวต่อเนื่อง

 

“เรามองว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปพีกที่ 82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4 ปีนี้ ก่อนจะทยอยปรับลดลงสู่จุดสมดุลตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น เงินเฟ้อไทยจึงน่าจะยังอยู่ในกรอบ 1-3% ส่วนภาวะ Stagflation ที่เคยเกิดขึ้นมานั้นเงินเฟ้อจะต้องเพิ่มขึ้นไปเป็นเลขสองหลัก โอกาสที่จะเกิดคงมีไม่มาก” ณัฐพรกล่าว


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising