กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกโรงเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังความเสี่ยงจากการที่ประเทศเกิดใหม่มีการตื่นตัวในโลกคริปโต เนื่องจากอาจทำลายระบบการเงินของโลกได้เลย โดยมีสงครามยูเครนและรัสเซียเป็นตัวอย่าง
ทางตัวแทนของ IMF ชี้ว่า หลังจากเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และตามมาด้วยการคว่ำบาตรของรัสเซีย ทำให้เกิดความท้าทายกับระบบการเงินดั้งเดิมเป็นอย่างมาก หลังจากที่ประเทศกำลังพัฒนาต่างหันไปใช้คริปโต และการเชื่อมต่อระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลางเร่งตัวสูงมากยิ่งขึ้น
แม้ปริมาณการเทรดจำนวนมากในโลกคริปโตจะมาจากแรงเก็งกำไร แต่หลังจากประเด็นทางการเมืองและระบบการเงินในขณะนี้ ทำให้มีการนำไปใช้ในฐานะ ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนมากขึ้น และ ณ จุดนั้นเองที่จะสร้างความท้าทายต่อผู้ออกนโยบายมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่การตรวจสอบธุรกรรมภายในประเทศ และระหว่างประเทศเอง ที่จะไม่มีใครสามารถเข้าไปดูแลได้ จากการเป็นระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง
ด้าน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวว่า กำลังขอให้คณะกรรมการบริการการเงิน เข้าตรวจสอบว่ามีธุรกรรมใดในคริปโตที่จะเป็นอันตรายบ้าง
นอกจากนั้น IMF ได้เตือนว่า การแบนประเทศรัสเซียส่งผลให้กระแสในการขุดคริปโตเติบโตขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีส่วนสำหรับการระดมทุนเข้าประเทศผ่านการออกเหรียญ หรือการขุดเหรียญอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากการออกเหรียญคริปโต (Coin Offering) สามารถทำได้โดยผ่านการขุดเหรียญคริปโต (Mining) และสำหรับประเทศอย่างรัสเซีย สามารถนำพลังงานที่มีอยู่ของประเทศไปสร้างรายได้จากการขุดได้พอสมควร โดยในปี 2564 การขุด Bitcoin สร้างรายได้กว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (4.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นของนักขุดรัสเซีย 11%
ดังนั้นทาง IMF จึงชี้ว่า การจะลดความเสี่ยงจากคริปโตได้นั้น ควรพัฒนามาตรฐานทางการเงินสำหรับคริปโต เพื่อให้สามารถดูแลบริษัทฟินเทค และระบบการเงินไร้ศูนย์กลางได้ ทั้งในแง่การเคลื่อนทุนระหว่างประเทศในสินทรัพย์ดิจิทัล การดูแลเรื่องข้อมูล รวมถึงการออกบทลงโทษสำหรับผู้ทำผิดมาตรฐานเช่นกัน
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP