เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2564 (2H64) จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องหนุนผลประกอบการทั้งปี 2564 เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี ค่าระวางอยู่ในระดับสูง และยังมีแผนเพิ่มกำลังการให้บริการต่อเนื่อง
เช่น ใน 4Q64 ธุรกิจขนส่งทางอากาศจะนำเข้าเครื่องบินบรรทุกสินค้าโดยเฉพาะ (Freighter) มาเสริม Cargo Flight ในเส้นทางเดิมและเส้นทางใหม่ ซึ่งจะเพิ่ม Capacity 25-30% ด้านธุรกิจขนส่งทางเรือจะรับรู้พื้นที่ระวางและปริมาณตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอีก 40% ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ปลาย 2Q64
รวมถึงยังมีการเพิ่มการขยายคลังสินค้าสำหรับรองรับลูกค้า E-Commerce และสินค้า High Value อีก 1,500 ตารางเมตร หรือเพิ่มอีก 50% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนพฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้น III ปรับตัวลดลง 8.1%MoM สู่ระดับ 11.40 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.3%MoM สู่ระดับ 1,616.50 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดการณ์กำไร 2H64 ของ III จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 705%YoY หนุนผลประกอบการปี 2564 เติบโต 111%YoY สู่ระดับ 344 ล้านบาท จากค่าระวางที่สูง ดีมานด์ยังโตดีและมีกำลังการให้บริการเพิ่ม
อีกทั้งจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรฯ จาก Shipsmile (ลงทุนเพิ่มเป็น 38% จาก 30% ใน 2Q64) ซึ่งทำธุรกิจแฟรนไชส์ขนส่งพัสดุและรวบรวมการขนส่งจากบริษัทขนส่งชั้นนำ เช่น ไปรษณีย์ไทย, Kerry, Flash Express ฯลฯ โดยมีแผนขยายสาขาจากปัจจุบัน 4 พันสาขา เป็น 3 พันสาขาในปีนี้
มุมมองระยะยาว:
III ตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2566) เติบไม่ต่ำกว่า 25% ต่อปีจากทั้ง Organic Growth (15-20%) และ Inorganic Growth โดยศักยภาพการทำกำไรอยู่ในทิศทางที่ดีจากการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเกิดผลประหยัดต่อขนาดหลังมีการขยายเครือข่ายและฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและร่วมค้า (TLP, AROUND, ECU, CKT, DPGS, Shipsmile) ที่ดีขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจซึ่งจะหนุนดีมานด์ให้การขนส่งเพิ่ม
ทั้งนี้ SCBS มองว่า III เป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่มีจุดแข็งด้านการให้บริการครบวงจรและมีเครือข่ายพันธมิตรที่รองรับบริการได้หลากหลาย จึงคาดผลดำเนินงานจะมีศักยภาพเติบโตได้หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะการฟื้นตัวในปริมาณขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลัก
พร้อมกับส่วนแบ่งกำไรฯ ของ 2 บริษัทร่วมคาดพลิกมีกำไรตั้งแต่ปีหน้า คือ SAL ซึ่งทำธุรกิจให้บริการภาคพื้นที่ท่าอากาศยานของ AOT และ Makesend ซึ่งทำ Sameday Delivery ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจะขยายทั่วไทยปีหน้า