×

‘เฮลท์ลีด’ เคาะขายหุ้น IPO หุ้นละ 9.80 บาท ปักวันเข้าเทรดใน mai 3 ธ.ค. นี้ เดินหน้าขยายสาขา 4-5 แห่งต่อปี สร้างการเติบโต

23.11.2021
  • LOADING...
เฮลท์ลีด

บมจ.เฮลท์ลีด หรือ HL ผู้ประกอบการร้านขายยาค้าปลีกรายแรกที่เข้าตลาดหุ้นไทย กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 9.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นค่า PE 37.57 เท่า กำหนดจองซื้อวันที่ 25-26 และ 29 พฤศจิกายน และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรกวันที่ 3 ธันวาคมนี้ 

 

สมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บมจ.เฮลท์ลีด หรือ HL กล่าวว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 9.80 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 37.57 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน

 

ทั้งนี้จะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 25-26 และ 29 พฤศจิกายน 2564 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า ‘HL’ ในหมวดธุรกิจบริการ

 

โดยได้แต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บล.โกลเบล็ก, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ทรีนีตี้, บล.โนมูระ พัฒนสิน, บล.บียอนด์ และ บล.เอเซีย พลัส 

 

“การกำหนดราคา IPO ที่ระดับ 9.80 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน HL ถือเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุนมาก เนื่องจากเป็นร้านขายยาค้าปลีกในรูปแบบ Chain Drug Store รายแรกที่มีความพร้อมสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น มีความสามารถในการทำกำไร และฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงถึง 22% ขณะที่ยอดขายเติบโตทุกปี ปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนระดับ 1.6 เท่า ส่วนมากเป็นหนี้ที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และเมื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว จะทำให้มีแหล่งเงินทุนซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการต่อยอดธุรกิจผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง ทำให้ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในระยะยาว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งที่เป็นประเภทสถาบัน และประชาชนทั่วไปได้เป็นอย่างดี” สมภพ กล่าว

 

ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 3/64 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.82% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 11.13 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 355.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.08% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 255.95  ล้านบาท

 

ส่วนงวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.85% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 38.65 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 912.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น14.57% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 796.67 ล้านบาท

 

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมียอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง ยอดขายต่อสาขาเดิมมีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งแนวโน้มการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญมากขึ้น ตลอดจนเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอีกด้วย ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทำให้มีอำนาจต่อรองกับ Supplier มากขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น                       

 

“การเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตของ HL ได้อีกมาก เพราะทำให้มีแหล่งทุนเพิ่มศักยภาพในการขยายสาขาได้ต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสาขาปีละ 4-5 แห่งในพื้นที่ของ กทม. เป็นหลัก จากนั้นก็จะกระจายให้ครอบคลุมไปทั่วเขตปริมณฑลตามหัวเมืองที่สำคัญ ส่วนใหญ่ขนาดพื้นที่ต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 80-150 ตารางเมตร และเมื่อมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมี 26 สาขา ก็จะผลักดันยอดขายเติบโต ทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น” ภก.ธัชพล 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising