วันนี้ (2 มีนาคม) ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวจัดการแข่งขัน Hatyai Extreme Festival 2022 มหกรรมกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่อำเภอเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 7-10 เมษายนนี้
โดยกิจกรรมในครั้งนี้จะประกอบไปด้วยการแข่งขันทั้ง 3 ชนิดกีฬา ทั้งสเกตบอร์ด, อินไลน์สปีดสเกต และเซิร์ฟสเกต ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท โดยไม่ต้องเสียค่าสมัครเข้าแข่งขัน
โดยจะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 8-10 เมษายนนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่การตัดสินกีฬาทั้ง 3 ชนิดจะบริหารจัดการโดยสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทยกับสมาคมกีฬาโต้คลื่นแห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ยังได้ดึงวิทยากรระดับโลกจาก World Skate ทั้ง มาร์ติน คารัส เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิคสเกตบอร์ด, แดเนียล เลบรอนด์ ผู้ตัดสินกีฬาสเกตบอร์ดในโอลิมปิกที่ผ่านมา, ณอน เฮย์ส โค้ชสเกตบอร์ดทีมชาติโอลิมปิกของแคนาดา มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในหัวข้อ Fundamentals of Skateboard Judging & Coaching แก่ผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินกีฬาสเกตบอร์ดในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 4-7 เมษายน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมสเกตบอร์ดไทยไปสู่มาตรฐานสากล และเพื่อเตรียมความพร้อมไทยไปสู่การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสเกตบอร์ดระดับโลกในอนาคต
ในด้านของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ได้รับความร่วมมือจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ในการจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดำเนินการคัดกรองตามาตรการด้านสาธารณสุข VUCA ตามระเบียบของ ศบค. และจังหวัดสงขลา เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย
พิพัฒน์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงได้มีการผลักดันกีฬาอีสปอร์ต จนได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทยให้เป็นชนิดกีฬา รวมถึงนักกีฬาไทยได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันในระดับซีเกมส์เมื่อปี 2019
มาในครั้งนี้ทางกระทรวงมีเป้าหมายที่ต้องการจะผลักดันกีฬาเอ็กซ์สตรีมในประเทศไทยทั้งในด้านของความเป็นเลิศ ที่มหกรรมกีฬาตั้งแต่ระดับซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ จนถึงโอลิมปิกเกมส์ในปี 2024 ที่กรุงปารีส และ 2028 ที่นครลอสแอนเจลิส ต่างก็มีการบรรจุการแข่งขันกีฬาทั้งเซิร์ฟและสเกตบอร์ด เป็นกีฬาชิงเหรียญรางวัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไปจนถึงการผลักดันอุตสาหกรรมกีฬาแบบครบวงจร ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีโรงงานผลิตทั้งเซิร์ฟบอร์ดและบอร์ดของเซิร์ฟสเกต กีฬาที่กลายเป็นที่นิยมในประเทศไทยในปี 2021 ที่ผ่านมา
ซึ่งจุดเริ่มต้นคือการที่กระทรวงสนับสนุนให้เริ่มต้นที่การจัดการแข่งขันที่มีมาตรฐานและปลอดภัย เพื่อให้นักกีฬาจากทั่วประเทศได้มาลงแข่งขัน ซึ่งในการจัดที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาครั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมทั้งหมด 2,000 คนในการแข่งขันกีฬาทั้ง 3 ชนิด
นอกจากในด้านของการส่งเสริมกีฬาแล้ว พิพัฒน์กล่าวด้วยว่า ยังจะเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดสงขลาเงียบเหงามาตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโควิด จึงนับเป็นโอกาสที่จะจัดการแข่งขันที่จะดึงเอานักกีฬากว่า 2,000 คนจากทั่วประเทศมาลงแข่งขัน ซึ่งนักกีฬาหนึ่งคนจะมีโค้ชและผู้ปกครองเดินทางมาร่วมด้วย จึงคาดว่าจะเป็นจำนวนคนกว่า 10,000 คนเดินทางมายังจังหวัดสงขลา ซึ่งจะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นเม็ดเงินกว่า 50 ล้านบาทในช่วงของการแข่งขัน โดยจะมีการโปรโมตทั้งแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดสงขลาและอาหารเมนูเด็ดประจำจังหวัด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่โดยรอบ
นอกจากนั้น ภายในงานจะมีกิจกรรมให้ความรู้กับผู้ที่มาเข้าร่วมงานตั้งแต่ ผู้ตัดสิน ผู้ฝึกสอน และผู้ปกครอง เพื่อเป็นการส่งเสริมการให้ความรู้ หลักการที่ถูกต้องของการแข่งขันที่จะช่วยพัฒนานักกีฬาไทยให้สามารถไปแข่งขันในระดับสากลได้มากขึ้น รวมถึงเป็นการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมเอ็กซ์สตรีมไทย ให้พร้อมสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกในประเทศไทยอีกด้วย
พิพัฒน์ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของระดับการดูแลและป้องกันอาการบาดเจ็บของนักกีฬาระหว่างการแข่งขันที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ซึ่งจะมีโรงพยาบาลสงขลาดูแลตลอดการแข่งขัน
รวมถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิดก็จะดำเนินการตามระบบของสาธารณสุขทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ขึ้นจากการแข่งขันที่จังหวัดสงขลาในครั้งนี้