ยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยกับสำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทยว่า การซื้อหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH (ชื่อหลักทรัพย์: INTUCH) จำนวน 147,044,400 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 4.59% เป็นเพียงการบริหารพอร์ตลงทุนของบริษัท
เนื่องจาก INTOUCH มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ไม่ต่ำกว่า 4-5% ต่อปี โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้มาจากกระแสเงินสดและเงินกู้ ซึ่งมีต้นทุนการเงินต่ำกว่า 2%
“เราได้ทยอยเข้าซื้อหุ้น INTOUCH ช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงเมื่อ 2-3 เดือนก่อน แต่ไม่สามารถเปิดเผยต้นทุนเฉลี่ยหรือมูลค่าการลงทุนรวมโดยละเอียดได้” ยุพาพินกล่าว
สำหรับนโยบายการลงทุน กรรมการบริหาร GULF ระบุว่า ขึ้นอยู่กับราคาหุ้นและภาวะตลาด โดยหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในระดับที่เหมาะสมอาจจะมีการขายทำกำไร แต่หากมีการปรับตัวลดลงก็อาจจะมีการเข้าลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีแผนเข้าซื้อหุ้นจนมีนัยทางการบริหารหรือมีแผนธุรกิจร่วมกันระหว่างทั้ง 2 บริษัท
ฝั่งนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย มองว่า ดีลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการบริหารเงินสด (Cash Flow) ของ GULF โดยคาดว่าการเข้าซื้อหุ้น INTOUCH จะใช้เงินราว 8,000 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินสด 4,000 ล้านบาท และกู้เงินระยะสั้นที่ดอกเบี้ยต่ำอีก 4,000 ล้านบาท
ทั้งนี้มองว่า GULF จะได้ประโยชน์จากการลงทุนใน INTOUCH จากผลตอบแทนจากเงินปันผลระดับสูง ในช่วง 3 ปีข้างหน้าราว 4-5% หรือประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564-2565 หรือคิดเป็น 0.5 บาทต่อหุ้น อิงประมาณการการกู้ยืมที่ 50% อย่างไรก็ตาม มองว่าบริษัทฯ จะไม่จ่ายปันผลเพิ่ม แต่จะเอาเงินไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในอนาคต
นักวิเคราะห์ยังบอกอีกด้วยว่า การลงทุนครั้งนี้น่าจะเป็นการกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจมากกว่าจะมีความร่วมมือกันในอนาคต โดยที่ผ่านมา GULF ได้ไปลงทุนในกิจการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลายอย่าง เช่น ท่าเรือหรือท่อก๊าซ ซึ่งการซื้อหุ้น INTOUCH เป็นการลงทุนในโครงสร้างโทรคมนาคม
สำหรับฐานะการเงินของ GULF ถือว่ายังแข็งแกร่ง โดยมีเพดานการกู้เงิน NET D/E ที่ 3.5 เท่า แต่นโยบายของบริษัทจะรักษาไว้ไม่เกินสามเท่า ซึ่งคาดว่าจะสูงสุดในปี 2024 ที่ประมาณ 2.7 เท่า ถือว่ามีช่องในการกู้เงินได้อีกมาก
เมื่อ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้เข้า ถือหุ้น INTOUCH ในจำนวน 147,044,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.59% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว (ข้อมูลผู้ถือหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2563) จะส่งผลให้ GULF ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 จากที่ผ่านมาไม่เคยถือหุ้นมาก่อน
สำหรับผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรกของ INTOUCH ได้แก่ 1. SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. จำนวนหุ้น 673,348,264 หุ้น หรือ 21.00% 2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จำนวนหุ้น 510,674,007 หุ้น หรือ 15.93% และ 3. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED จำนวนหุ้น 166,753,460 หุ้น หรือ 5.20%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า