บางทีมันอาจเป็นเพราะโชคชะตากำหนดมา ทำให้นักเตะออสเตรียเคลียร์บอลไม่ขาด และ แดเนียล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูเองก็พลาดรับบอลไม่อยู่
ลูกบอลนั้นมาตกตรงหน้าของ โกรัน ปานเดฟ ที่เก็บบอลที่เหมือนมีใครสักคนบนฟ้าเอามาวางไว้ให้ ก่อนที่จะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายโล่งๆ ด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดของเขา
มันอาจจะไม่ได้เป็นประตูที่สวยงามอะไรนัก แต่สำหรับปานเดฟและชาวมาซิโดเนียเหนือแล้ว นี่คือประตูที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนี่คือประตูแรกของเขาและพวกเขาในรายการฟุตบอลระดับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ไกลเกินเอื้อมและเหนือจินตนาการมาก่อน แต่วันนี้มันคือความจริงที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่ความฝัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ในวันที่ อิกอร์ อังเจลอฟสกี เข้ามารับตำแหน่งโค้ชของทีมชาติมาซิโดเนีย (ในขณะนั้น) พวกเขาเป็นชาติเล็กๆ ที่เคยอยู่ในอันดับต่ำสุดถึง 162 ใน FIFA Ranking และแทบไม่มีความหวังอะไรเลยในเรื่องของเกมฟุตบอล
เช่นกันกับเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งชาวมาซิโดเนียนนั้นลำบากยากแค้นมากที่สุดชาติหนึ่งในบรรดาชาติกำลังพัฒนาในยุโรป
ประเทศของพวกเขาเพิ่งจะมีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น และยังไม่อาจหลุดจากอดีตที่เหนี่ยวรั้งทั้งชีวิตและความฝันเอาไว้จากเงาของอดีตยูโกสลาเวีย
อย่างไรก็ดี อังเจลอฟสกีเชื่อว่ามาซิโดเนียไม่สิ้นคนดี และมีคนเดียวที่จะสามารถนำพาทีมฟุตบอลและนำความสุขกลับมาให้แก่คนทั้งชาติเท่านั้น เพียงแต่เขาจำเป็นต้องลองดูก่อนและก็ไม่มีอะไรจะเสียสักหน่อย
คนที่กุนซือใหม่ของมาซิโดเนียคิดถึงคือ โกรัน ปานเดฟ กองหน้าหมายเลขหนึ่งของชาติที่เป็นหนึ่งในดวงดาราที่เฉิดฉายอยู่ในวงการฟุตบอลอิตาลี ครั้งหนึ่งเคยคว้า ‘เทรเบิลแชมป์’ ร่วมกับ โชเซ มูรินโญ ในทีมอินเตอร์ มิลาน
เวลานั้นปานเดฟเพิ่งจะอำลาทีมชาติไปเมื่อปี 2014 ด้วยวัยเพียง 30 ปี ซึ่งเร็วเกินไปสำหรับคนที่เป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของประเทศที่สามารถทำประโยชน์ให้กับทีมได้อีกมาก
การเดินทางของอังเจลอฟสกีเพื่อไปพบกับปานเดฟที่เจนัวในปี 2015 จึงเป็นการเดินทางสำคัญอย่างยิ่ง
โชคดีที่บทสนทนาระหว่างเขาและดาวยิงซ้ายธรรมชาติเป็นไปด้วยดี ปานเดฟตัดสินใจยอมรับคำขอร้องและกลับมารับใช้ทีมชาติมาซิโดเนียอีกครั้ง โดยสิ่งที่เกิดขึ้นในอีก 6 ปีต่อมาคือความสำเร็จที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน
มาซิโดเนียซึ่งเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นมาซิโดเนียเหนือในปี 2019 ค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น อันดับโลกของพวกเขาไต่ขึ้นมาถึง 100 อันดับในปัจจุบัน และสามารถคว้าสิทธิ์ในการร่วมแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ได้
โดยจากที่ไม่เคยมีความหวังมาก่อน แต่เพราะมีรายการยูฟ่าเนชันส์ลีกรายการใหม่ซึ่งมีการ ‘เปิดประตู’ ให้ทีมจากชาติเล็กๆ ได้มีโอกาสลุ้นผ่านรอบคัดเลือกมาได้นั้นเป็นเส้นทางที่อังเจลอฟสกี ปานเดฟ และมาซิโดเนียเหนือเลือกใช้
พวกเขาได้สิทธิ์ในการเล่นเพลย์ออฟกับทีมในระดับใกล้เคียงกันอย่างเบลารุส, โคโซโว และจอร์เจีย โดยเกมสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถคว้าตั๋วมายูโร 2020 ได้ก็คือเกมที่เอาชนะจอร์เจียได้ถึงถิ่นที่ทบิลิซีด้วยสกอร์ 1-0
ผู้ทำประตูโทนในเกมวันนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกองหน้าหมายเลขหนึ่งอย่างปานเดฟ
หลังทำประตูและคว้าชัยชนะได้เขาก็ทรุดลงไปกับพื้นและหลั่งน้ำตาแห่งความปีติออกมาอย่างไม่อายใคร
เด็กหนุ่มผู้เกิดในเดือนกรกฎาคมของปี 1983 ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Strumica เมืองที่อยู่ห่างจากชายแดนของกรีซและบัลแกเรียแค่ 20 ไมล์ ทำความฝันของคนทั้งชาติให้กลายเป็นความจริงได้ในที่สุด
“ผมจำเขาในการซ้อมวันแรกได้” ยูโกสลาฟ เทรนชอฟสกี หนึ่งในโค้ชคนแรกของเขาในทีมเยาวชนเล็กๆ ที่ชื่อเบลาสิกาเล่าความหลัง “บรรดาโค้ชมีการประชุมกันทันที และทุกคนเห็นตรงกันว่าเขาเป็นเด็กที่มีทักษะสูงมาก เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และเขาจะกลายเป็นนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่”
🇲🇰 Goran Pandev bows out after 122 international appearances 👏👏👏#EURO2020 pic.twitter.com/ZCIRDembOy
— UEFA EURO 2020 (@EURO2020) June 21, 2021
ปานเดฟ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 68 โดยเพื่อนร่วมทีมตั้งแถวเกียรติยศให้ เป็นภาพที่ประทับใจแฟนบอลทั่วโลก
สิ่งที่โค้ชจากเบลาสิกาประเมินนั้นไม่ได้ผิดไปจากความจริง เพราะปานเดฟเปล่งประกายอย่างเจิดจ้าจนแม้แต่สโมสรในอิตาลียังต้องรีบฟังคำแนะนำจากบรรดาแมวมองที่เห็นฟอร์มของเขา ซึ่งร่วมแข่งในทัวร์นาเมนต์อันโด่งดังในระดับบอลเด็กอย่างวีอาเรจโจ เขาก็กลายเป็นนักเตะที่สโมสรใหญ่ในอิตาลีหมายปอง และเป็นอินเตอร์ มิลานที่ได้ตัวเขาไปก่อนเพื่อน
ปานเดฟมาแจ้งเกิดแบบเต็มๆ กับลาซิโอในช่วงปี 2004-2009 ก่อนที่จะกลับมายังทีมเนรัซซูรีอีกครั้ง และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้า 3 แชมป์อย่างยิ่งใหญ่ก่อนที่สโมสรจะเข้าสู่ยุคมืดในช่วงทศวรรษต่อมา
หลังจากนั้นคือช่วงเวลาขาลงของปานเดฟด้วยวัยและฟอร์มการเล่น เพียงแต่ทักษะในการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการ ‘ล่องหน’ เล่นเหมือนไม่ได้อยู่ในความสนใจ แต่พร้อมจะโผล่มาถูกที่ถูกเวลา (เหมือนในประตูที่ยิงใส่ออสเตรีย) ทำให้เขายังยืนหยัดในเกมฟุตบอลระดับสูงได้ถึงทุกวันนี้ ในวันที่เขาพาทีมชาติของเขาก้าวมาถึงฟุตบอลยูโรได้
อย่างไรก็ดี ปานเดฟไม่ได้ทำเพียงแค่นี้เพื่อประเทศชาติ เพราะความจริงเขาเป็นมากกว่าแค่นักฟุตบอลคนหนึ่ง
ในเรื่องการกีฬาในฐานะของคนที่ประสบความสำเร็จและพอมี ‘กำลัง’ เขาตัดสินใจกลับมาช่วยเบลาสิกา สโมสรแรกในชีวิตที่กำลังลำบากตามคำร้องขอของเทรนชอฟสกี
เทรนชอฟสกีเล่าถึงสิ่งที่ปานเดฟบอกเขา “เรามาทำงานด้วยกันเถอะ ผมอยากใช้เงินที่ทำให้ผมร่ำรวยเอามาใช้กับเกมฟุตบอล กับเมืองของผม กับเด็กๆ ของพวกเรา และประเทศของผม”
เบลาสิกาเปลี่ยนชื่อเป็น อคาเดมิยา ปานเดฟ (Akademija Pandev) โดยปานเดฟสนับสนุนค่าใช้จ่ายถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สร้างศูนย์ฝึกขนาดใหญ่รองรับทีมชุดใหญ่และทีมเยาวชนอีก 13 ทีม และชวน ‘ครู’ คนแรกของเขา อิลิยา มาตินิชารอฟ กลับมาร่วมมือกับเขาและเทรนชอฟสกีในการสร้างสโมสรแห่งนี้ให้ดีที่สุดด้วย
ด้วยเจตนาที่ดีและความตั้งใจจริงทำให้สโมสรแห่งนี้ก็เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วโดยในฤดูกาล 2019-20 ที่ผ่านมาทีมนี้ได้ลงแข่งในรายการยูโรปาลีกรอบคัดเลือกด้วยหลังจากที่คว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศแม้ว่าจะพ่ายต่อซรินสกี โมสตาร์ แต่อนาคตของพวกเขาก็น่าจับตามอง เพราะนักเตะส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 21 ปีครึ่งเท่านั้น
เด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอนาคตของอคาเดมิยา ปานเดฟ แต่เป็นอนาคตของมาซิโดเนียเหนือ และนั่นทำให้คนที่รู้จักปานเดฟเป็นอย่างดีอดตื้นตันใจไม่ได้
“สิ่งที่ประเทศลงทุนกับปานเดฟ ตอนนี้ปานเดฟได้มอบมันกลับมาให้ประเทศแล้ว” ดรากี คานัตลารอฟสกี โค้ชที่ให้โอกาสเขาติดทีมชาตินัดแรกกล่าวด้วยความชื่นชม “ทุกคนรู้ดีว่าเขาทำอะไร เขาคือแบบอย่างของทุกคน”
แต่ถึงจะยิ่งใหญ่แค่ไหนปานเดฟก็ยังคงเป็นปานเดฟคนเก่าคนเดิม คนที่อ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นที่รักของทุกคน
เดลิโอ รอสซี อดีตโค้ชของเขาที่ลาซิโอบอกว่ากองหน้าผู้นี้เป็นคนประเภทที่หาได้ยากในเกมลูกหนัง
“ในโลกฟุตบอลจะมีคนอยู่ 2 ประเภท” รอสสซีเล่า “98 เปอร์เซ็นต์จะเป็นคนที่ต้องการการกระตุ้น ต้องการการปลุกเร้า พร้อมจะโทษคนอื่นเวลาที่อะไรไม่เป็นดังใจ
“แต่จะมีคนอีก 2 เปอร์เซ็นต์ที่จะไม่สนใจแรงกดดันหรือรู้สึกอะไรเวลาเจอเกมท่ียากต่อให้เป็นแมตช์ใหญ่แค่ไหน คนพวกนี้ไม่เคยกลัวอะไรเลย และโกรันเป็นคนประเภทนี้”
อย่างไรก็ดี ทุกอย่างมีเกิดมีดับ ปานเดฟเองปัจจุบันอายุ 37 ปี และเขาจะอายุครบ 38 ปีในเดือนหน้าแล้ว เรี่ยวแรงกำลังวังชาของเขาแทบไม่เหลือ เพราะถึงรายการหน้าคือฟุตบอลโลก 2022 โค้ชจะอยากเรียกตัวเขามาช่วย แต่ตอนนั้นเขาจะอายุ 39 ย่าง 40
“ผมอาจจะหนักกว่านี้สัก 15 กิโลกรัม” ปานเดฟกล่าวแบบขำๆ
Inspired by Goran Pandev’s heroics, who is your nation’s greatest ever player? 👀
Reply for your chance to feature on the official #EURO2020 show! – 𝗼𝗻 𝗮𝗶𝗿 𝗮𝘁 𝟮𝟯:𝟬𝟬 𝗖𝗘𝗧 🎧#EUROshow pic.twitter.com/qfXgxtsGzF
— UEFA EURO 2020 (@EURO2020) June 21, 2021
โกรัน ปานเดฟ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับทีมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเกมกับเนเธอร์แลนด์
ถึงมาซิโดเนียเหนือจะไม่สามารถคว้าชัยชนะได้เลยในยูโรหนนี้ แต่อย่างน้อยการได้มาถึงครั้งหนึ่งหมายถึงโอกาสที่ทีมจะกลับมาได้อีกในอนาคต และเวลานี้ทีมก็มีนักเตะสายเลือดใหม่อย่าง เอลจีฟ เอลมาส, เบนิส บาร์ดี รวมถึงนักเตะที่เล่นในลีกชั้นนำของยุโรปอีกหลายคน (เอซกาน อลิโอสกี ของลีดส์ ยูไนเต็ดก็ใช่)
ปานเดฟได้ถางทางให้เด็กๆ เหล่านี้ได้ก้าวเดินตามเขามาแล้ว และเขาเชื่อว่ารุ่นหลังจากนี้จะก้าวแซงเขาไปได้อย่างแน่นอน รวมถึงประเทศมาซิโดเนียเหนือก็ได้รับแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่จากเขาและนักเตะทีมชาติที่จะทำให้สู้ต่อไปเพื่อไปสู่วันที่สวยงามในอนาคต
เกมกับเนเธอร์แลนด์จึงเป็นบทสรุปเส้นทางของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งจากชาติเล็กๆ ที่ทำอย่างสุดความสามารถที่จะพาทีมมาได้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว
มันเป็นบทสรุปของชีวิตที่งดงาม หน้าที่ของ ‘ม้าศึก’ ผู้กรำสงครามมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำได้สิ้นสุดแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้คือการช่วยเหลือประเทศชาติในทางอื่นต่อไป
“โกรันมีพลังพิเศษ เขาสามารถดึงดูดคนเข้ามาหาเขาได้” เทรนชอฟสกีกล่าวสรุปถึงยอดนักเตะในตำนานตลอดกาล
“เขาไม่เพียงแค่เป็นผู้นำในทีมชาติ แต่ยังเป็นผู้นำของชาติด้วย”
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/football/2021/jun/12/goran-pandev-north-macedonia-euro-2020
- https://www.bbc.com/sport/football/57334322
- https://indianexpress.com/article/sports/football/euro-2020-goran-pandev-the-old-warhorse-carrying-north-macedonia-on-his-shoulders-7362708/
- โกรัน ปานเดฟ มีอายุมากกว่าประเทศของเขาเสียอีก…
- นับจากจุดเริ่มต้นในการรับใช้ทีมชาติในปี 2001 ในเกมที่มาซิโดเนียเสมอตุรกี 3-3 เขาเล่นให้ทีมชาติมา 122 นัด ทำได้ 38 ประตู และผ่านการเล่นให้โค้ชทีมชาติมากว่า 14 คน
- ในปี 2018 เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า “พร้อมจะแลกถ้วยรางวัลความสำเร็จทุกอย่าง เพื่อขอให้ได้แข่งในยูโรสักครั้ง” ซึ่งเขาทำสำเร็จจริงๆ