ทำไปทำมากลายเป็นว่าตลาดลำโพงอัจฉริยะและผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประจำบ้าน กำลังเริ่มตีตลาดกระแสหลักแบบเงียบๆ ล่าสุดเป็นคิวของ Google ที่เปิดตัวผู้ช่วยประจำบ้านคนใหม่ ‘Google Home Hub’ พร้อมลำโพงและจอสัมผัส 7 นิ้ว ท้าชนคู่แข่งอื่นๆ ในตลาด รวมถึง Facebook ที่เพิ่งเปิดตัวฮาร์ดแวร์ชิ้นแรกของบริษัทไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในงาน Made by Google 2018 ที่จัดขึ้นโดย Google เมื่อวันอังคารที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินอันดับ 1 ของโลก ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท เช่น สมาร์ทโฟน Gen 3 ‘Pixel 3’, แท็บเล็ตทรงพลัง Pixel Slate, แท่นชาร์จไร้สาย Pixel Stand แต่ที่โดดเด่นและถูกพูดถึงที่สุดต้องยกให้ Home Hub ผู้ช่วยอัจฉริยะโฉมใหม่ ที่คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียง แต่แถมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว เพื่อแสดงผลต่างๆ มาให้ด้วย
Google Home Hub คือผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ประจำบ้านที่สามารถควบคุมระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อภายในบ้านได้อย่างอิสระ (เคลมว่าเชื่อมต่อได้มากกว่า 1,000 แบรนด์) ฟีเจอร์เด่นๆ คือ ผู้ช่วย AI ‘Google Assistant’, การเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ บนระบบนิเวศ เช่น Search, YouTube, Google Photos, Calendar หรือ Maps, ความสามารถในการจดจำและแยกแยะเสียงผู้ใช้ในบ้าน และการไม่ติดกล้องมาในตัวฮาร์ดแวร์ โดยให้เหตุผลด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
Google Home Hub มีให้เลือก 4 สี คือ ขาวชอล์ก, ดำชาโคล, เขียวน้ำทะเล และชมพูทราย สนนราคาที่ 149 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,900 บาท เริ่มเปิดให้จองสินค้าได้แล้วตั้งแต่วันนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายตามหน้าร้านในวันที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ (ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย)
ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากหน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว คือการที่ Google เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คู่แข่ง Facebook เพิ่งเปิดตัว ‘Portal’ ฮาร์ดแวร์หน้าจอขนาดเริ่มต้นที่ 10 นิ้ว ตัวแรกของบริษัท (สนนราคาเริ่มต้นที่ 199 เหรียญสหรัฐ หรือราว 6,600 บาท) ซึ่งมีผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ Alexa ของ Amazon แถมมาให้ด้วย
สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ประจำบ้านกำลังเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์บุกเข้ามาสู่ตลาดนี้ตลอดเวลา เพื่อแทรกซึมเข้ามาอยู่ในชีวิตของผู้บริโภคตั้งแต่ตื่นเช้ายันเข้านอน โดย Statista เชื่อว่า มูลค่าในตลาดนี้อีก 2 ปีข้างหน้า น่าจะพุ่งไปอยู่ที่ราวๆ 58,680 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ได้ไม่ยาก
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: