พนักงาน Google หลายคนถูกจับกุมเมื่อเย็นวันอังคาร (16 เมษายน) ที่สำนักงานของบริษัทในนิวยอร์กซิตี้และซันนีเวล แคลิฟอร์เนีย รวมถึงการประท้วงที่สำนักงานของ Thomas Kurian ซีอีโอของ Google Cloud หลังจากจัดการประท้วงหยุดงานเพื่อต่อต้านการที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอิสราเอล
เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้ความขัดแย้งภายในบริษัทเทคเกี่ยวกับสงครามในฉนวนกาซา และข้อถกเถียงว่าบริษัทสหรัฐฯ ควรขายเทคโนโลยีของตนให้กับอิสราเอลหรือไม่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“มีพนักงาน 9 คนถูกจับกุมในทั้งสองสำนักงาน” Jane Chung โฆษกของผู้ประท้วงกล่าว วิดีโอที่ถ่ายโดยหนึ่งในผู้ประท้วงและแชร์กับ The Washington Post แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กเดินเข้าไปในสำนักงานของ Google และแจ้งผู้ประท้วงอย่างใจเย็นว่าจะถูกจับกุมหากไม่ยอมออกไป พนักงานปฏิเสธคำสั่ง ตำรวจจึงขอให้พวกเขาหันหลังและเอามือไว้ข้างหลัง
“การขัดขวางหน้าที่การงานและป้องกันพนักงานคนอื่นๆ เข้าถึงสถานที่ทำงานของเรา ถือเป็นการละเมิดนโยบายของบริษัทอย่างชัดเจน เราจะทำการตรวจสอบและดำเนินการ” Bailey Tomson โฆษกของ Google กล่าว “พนักงานเหล่านี้ถูกพักงานและตัดสิทธิ์การเข้าถึงระบบของเรา หลังจากพวกเขาปฏิเสธคำขอให้ออกจากสถานที่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายจึงเข้ามาเพื่อนำตัวพวกเขาออกไปและรักษาความปลอดภัยของสำนักงาน”
ผู้ประท้วงเข้าไปในสำนักงานในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียราว 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมประกาศว่าจะปักหลักอยู่ตรงนั้นจนกว่าบริษัทจะยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขา ที่ต้องการให้ Google ยกเลิกสัญญามูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.4 แสนล้านบาท) ที่บริษัทมีร่วมกับ Amazon ในการจัดหาบริการคลาวด์และศูนย์ข้อมูลให้กับรัฐบาลอิสราเอล ภายใต้ Project Nimbus
“โดยส่วนตัวแล้ว ฉันต่อต้าน Google ที่รับสัญญาทางทหารใดๆ ไม่ว่าจะกับรัฐบาลใดหรือเป็นสัญญาประเภทไหนก็ตาม” Cheyne Anderson วิศวกรซอฟต์แวร์ Google Cloud ในวอชิงตัน ให้สัมภาษณ์กับ CNBC “ผมเชื่อแบบนั้น เพราะ Google เป็นบริษัทระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นกองทัพของประเทศไหน ย่อมมีผู้คนได้รับผลกระทบที่เป็นตัวแทนทั้งในกลุ่มพนักงาน หรือแม้แต่ฐานผู้ใช้ของ Google”
“Google Cloud ให้การสนับสนุนรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลกในประเทศที่เราดำเนินการ รวมถึงรัฐบาลอิสราเอลด้วยบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เปิดให้บริการทั่วไป” โฆษกของ Google กล่าวกับ CNBC พร้อมเสริมว่า “งานนี้ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ปริมาณงานที่มีความละเอียดอ่อนสูง จัดเป็นความลับ หรือเกี่ยวข้องกับกองทัพและหน่วยข่าวกรอง”
การประท้วงครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากพนักงาน Google ที่ต่อต้านการใช้ AI และเทคโนโลยีคลาวด์ของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร ก่อนหน้านี้ Eddie Hatfield วิศวกรของ Google Cloud ขัดขวางการกล่าวสุนทรพจน์ของกรรมการผู้จัดการธุรกิจ Google ในอิสราเอล โดยระบุว่า “ผมปฏิเสธที่จะสร้างเทคโนโลยีที่สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ซึ่งเขาก็ถูกไล่ออกในภายหลัง
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลระบุว่า พวกเขาแสวงหาบริการให้คำปรึกษาจาก Google เพื่อขยายการเข้าถึงบริการของ Google Cloud โดย Google Photos เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่รัฐบาลอิสราเอลใช้ในการเฝ้าระวังฉนวนกาซา ตามรายงานของ The New York Times
“เหตุการณ์เมื่อวานนี้คือหลักฐานว่า การที่ Google พยายามปราบปรามเสียงต่อต้านสัญญานี้ไม่ได้ผล แถมยังส่งผลตรงกันข้ามด้วยซ้ำ” Ariel Koren อดีตพนักงานของ Google ที่ลาออกในปี 2022 หลังเป็นผู้นำในการต่อต้านสัญญา Project Nimbus ให้สัมภาษณ์กับ CNBC “มันสร้างความโกรธ ความไม่พอใจ และความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น”
เหตุประท้วงล่าสุดยังมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนปาเลสไตน์ปิดกั้นทางหลวง สะพาน และทางเข้าสนามบินทั่วสหรัฐฯ เพื่อประท้วงความร่วมมือทางทหารของสหรัฐฯ ที่มีต่อการที่อิสราเอลบุกฉนวนกาซา
ในวันที่ 7 ตุลาคม ฮามาสได้โจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิต 1,200 คน และจับตัวประกันอีกกว่า 240 คน
วันต่อมาอิสราเอลประกาศสงครามและเริ่มปิดล้อมฉนวนกาซา ตัดการเข้าถึงพลังงาน อาหาร น้ำ และเชื้อเพลิง โดยมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33,899 คนในฉนวนกาซานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากแอฟริกาใต้ในศาลสูงของสหประชาชาติเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ผู้จัดการประท้วงเผยว่า ยังมีพนักงาน Amazon ที่ต่อต้านสัญญา Nimbus เข้าร่วมชุมนุมเมื่อวันอังคารด้วย ก่อนหน้านี้ The Washington Post เคยรายงานว่า พนักงานที่ไม่เห็นด้วยกับสัญญาอิสราเอลเกิดความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานในเทลอาวีฟมาตั้งแต่ความรุนแรงปะทุขึ้นในเดือนตุลาคม
ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ Amazon เดือนพฤษภาคม พนักงาน Amazon ที่ต่อต้าน Nimbus ระบุว่า พวกเขาจะสนับสนุนมติที่ขอให้มีการทำรายงานสืบสวนของบุคคลที่สามเพื่อตรวจสอบว่า “การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศหรือไม่” ซึ่งโฆษกของ Amazon ยังไม่ตอบกลับคำขอให้แสดงความคิดเห็นกับ The Washington Post
เป็นที่น่าสนใจว่าความขัดแย้งและแรงกดดันต่างๆ นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดภายใน Google และมีผลกระทบต่อสัญญา Project Nimbus อย่างไรบ้าง
อ้างอิง:
