นักวิเคราะห์ประเมินตลาดทองคำโลกปี 2025 ราคาอาจพุ่งขึ้นถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หาก Fed ไม่ลดดอกเบี้ย และความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกคลี่คลายลง อาจทำให้ความน่าสนใจของทองคำน้อยด้วยเช่นกัน
จากผลสำรวจล่าสุดของสภาทองคำโลก (World Gold Council) พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 81% พูดไปในเสียงเดียวกันว่า ในปี 2025 ธนาคารกลางของหลายประเทศจะซื้อทองคำ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเงิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นักวิเคราะห์คาดว่า ราคาทองคำโลกซื้อขายอยู่ที่ 2,611 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าช่วงสิ้นปี 2023 ถึง 27% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปีนับตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งในปีนั้นราคาทองคำพุ่งขึ้นเกือบ 30%
แอนเดอร์สัน เฉิง หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกที่ Best Profit Capital กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในปี 2024 มาจากธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงธนาคารประชาชนของจีน ลงทุนซื้อทองคำเพิ่มขึ้นมหาศาล เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนท่ามกลางสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
เมื่อมาดูข้อมูลจากสภาทองคำโลกระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ธนาคารกลางซื้อทองคำ 694 ตัน ซึ่งน้อยกว่าระดับสูงสุดที่ 1,082 ตันในปี 2022 และ 1,037 ตันในปี 2023
ขณะนี้นักลงทุนอยู่ระหว่างรอดูนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าจะมีทิศทางต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร แต่โดยรวมแล้วนโยบายของทรัมป์เป็นนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจ แต่ภัยคุกคามจากการเก็บภาษีที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในครึ่งแรกของปี 2025 จะเพิ่มแรงกดดันให้กับราคาทองคำด้วยเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นธนาคารกลางยังคาดว่าจะซื้อทองคำต่อไป ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น ประกอบกับการลดอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จะช่วยดันราคาทองคำให้สูงขึ้นจนถึงปลายปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินไปข้างหน้า ตลาดทองคำอาจมีความผันผวน โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อาจปรับตัวลดลง แต่ยังมีศักยภาพที่จะทำให้ราคาทองคำแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ภายในสิ้นปี 2025
สตีเฟน อินเนส ผู้จัดการหุ้นส่วนของ SPI Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการแลกเปลี่ยนเงินตรา แสดงความเห็นว่า จากปัจจัยของอัตราดอกเบี้ย, ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ, การซื้อทองคำของธนาคารกลาง และสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ จะทำให้ตลาดทองคำในปี 2025 ผันผวนเหมือนเดิม
ที่สำคัญการเคลื่อนตัวของจีนจะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางของราคาทองคำอย่างมาก ด้วยปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนกำลังชะลอตัว และหากธนาคารกลางจีนยอมปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลง ก็อาจทำให้เกิดความต้องการทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน
“เรายังเชื่อว่าทองคำยังจะต้องเผชิญกับอุปสรรคในปีหน้า รวมถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะหยุดการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจนลดความน่าสนใจของทองคำลง และหากสถานการณ์ความตึงเครียดในยุโรปตะวันออกคลี่คลายลงก็อาจทำให้ความน่าสนใจของการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง” อินเนสย้ำ
อ้างอิง: