สำนักข่าว CNN รายงานผลการวิจัยล่าสุดที่เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกร้อน ส่งผลให้โอกาสเกิดคลื่นความร้อนรุนแรงมีมากกว่าเดิมถึง 100 เท่าในทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียและปากีสถาน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดในภูมิภาคดังกล่าว จนทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้
นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ เปิดเผยว่า โดยปกติแล้วความน่าจะเป็นของการเกิดคลื่นความร้อนที่สูงเกินอุณหภูมิเฉลี่ยในปี 2010 นั้นจะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1 ครั้งในทุกๆ 312 ปี แต่เมื่อมีปัจจัยของภาวะโลกร้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวเลขของความน่าจะเป็นก็จะพุ่งขึ้นเป็น 1 ครั้งในทุกๆ 3.1 ปี หรือมากกว่าเดิม 100 เท่า
ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์เลือกนำอุณหภูมิในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2010 มาใช้เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบ เนื่องจากในช่วงเดือนดังกล่าวมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1900
อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นในบางพื้นที่ของปากีสถานและอินเดียตลอดช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทำให้หลายโรงเรียนต้องระงับการเรียนการสอนชั่วคราว อีกทั้งยังทำให้พืชผลเสียหาย และสร้างแรงกดดันต่อแหล่งพลังงาน ขณะที่ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกไปนอกบ้านเพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยผู้เชี่ยวชาญเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า มนุษย์จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนขนาดนี้ได้หรือไม่
เมืองจาโคบาบัด (Jacobabad) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดสินธุของปากีสถาน เป็นหนึ่งในเมืองที่มีอากาศร้อนที่สุดในโลก โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 51 องศาเซลเซียสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนในอินเดียนั้นก็ไม่น้อยหน้า เพราะอุณหภูมิในนครเดลีสูงแตะ 49 องศาเซลเซียสเมื่อวันอาทิตย์
นอกจากนี้ ผลการวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า คลื่นความร้อนดังกล่าวอาจมีโอกาสเกิดเร็วขึ้นเป็น 1 ครั้งในทุกๆ 1.15 ปีภายในสิ้นศตวรรษนี้
“โดยทั่วไปแล้ว คลื่นความร้อนจะเข้าแผ่ปกคลุมประเทศก่อนที่จะเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูมรสุมในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้เกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรงกว่าปกติถึง 100 เท่า” กรมอุตุนิยมวิทยากล่าว
จันทนี ซิงห์ สมาชิกคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ IPCC กล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า คลื่นความร้อนกำลัง ‘ทดสอบขีดจำกัดของการอยู่รอดของมนุษย์’ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนระบุว่า อินเดียและปากีสถานเสี่ยงเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมประเทศ
พอล ฮัทเชียน จาก Global Guidance Unit ของกรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษกล่าวว่า “คลื่นความร้อนน่าจะก่อตัวขึ้นอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ และจะพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงปลายสัปดาห์หรือจนถึงเข้าช่วงสุดสัปดาห์ โดยอุณหภูมิสูงสุดอาจทะยานแตะ 50 องศาเซลเซียสอีกครั้งในบางช่วง
“ส่วนในช่วงสุดสัปดาห์ อุณหภูมิมีแนวโน้มลดลงอีกครั้งจนมาอยู่ใกล้กับค่าเฉลี่ย โดยประชาชนควรระมัดระวังการเกิดเพลิงไหม้ (ส่วนใหญ่มาจากการเผาวัสดุทางการเกษตร) ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมให้คุณภาพอากาศย่ำแย่ลง”
ภาพ: Amal KS / Hindustan Times via Getty Images
อ้างอิง: