คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สรุปผลการประชุมในวันนี้ (4 พฤศจิกายน 2563) ว่า ในด้านเศรษฐกิจไทยมองว่าไตรมาส 4/63 มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประเทศหลักในสหภาพยุโรปประกาศล็อกดาวน์ประมาณ 1 เดือน (ช่วงพฤศจิกายน 2563) แม้จะเป็นการล็อกดาวน์ที่จำกัดกิจกรรมของผู้บริโภคและไม่หยุดภาคการผลิต แต่คาดว่าจะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมแผ่วลง ในเบื้องต้นคาดว่าจะกระทบจีดีพีไทยในไตรมาสที่ 4 ราว 0.37-0.5% มาจากผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก
ทั้งนี้ทาง กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ว่าจะหดตัว 7-9%, การส่งออกหดตัว 8-10%, อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าติดลบในกรอบ 1.0-1.5% ในกรณีที่ไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ในไทย และมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากมาตรการรัฐที่ออกมา เช่น มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน
ขณะที่ไตรมาส 3/63 นี้ เห็นการฟื้นตัวในช่วงเดือนกันยายน อาทิ การส่งออกหดตัว 3.9% ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ที่หดตัว 7.9% รวมถึงภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวเช่นกัน ด้านการใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัว โดยมีมาตรการของภาครัฐสนับสนุน
ทั้งนี้ กกร. ยังมีข้อเสนอต่อภาครัฐดังนี้
- ขอให้ภาครัฐเร่งรัดการจ่ายเงินการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกโครงการ ภายใน 30 วันหลังจากการตรวจรับเรียบร้อย เพื่อช่วยในการเสริมสภาพคล่องทางการเงินภาคเอกชน โดยทางภาคเอกชนขนาดใหญ่กว่า 100 บริษัทได้ร่วมกันชำระหนี้ภายใน 30 วันแล้ว
- เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ระหว่างภาครัฐที่มีกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆ กับ กกร. เพื่อให้มีการเตรียมตัวครอบคุมในทุกภาคส่วน โดยอยากให้มีการจัดตั้งโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในเวทีการค้าโลก ทั้งกรณี FTA Thai-UK, FTA Thai-EU, CPTPP เป็นต้น
- กกร. ส่งข้อเสนอเพิ่มเติมไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของนักธุรกิจชาวต่างชาติ เช่น
- เสนอให้สามารถยื่นขอเปลี่ยนประเภทวีซ่าจาก Non-Immigrant O Visa เป็น Non-Immigrant B Visa ภายในประเทศไทยได้ เนื่องจากชาวต่างด้าวจำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังประเทศต้นทางของตน เพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าดังกล่าว
- เสนอให้แรงงานต่างด้าวทักษะสูงสามารถอยู่ในไทยต่อได้ 3 เดือน หลังจากที่ใบอนุญาตทำงานหมดอายุหรือถูกยกเลิกไป เพื่อหางานใหม่
- เสนอให้ยกเว้นการรายงานตัวทุก 90 วันแก่แรงงานต่างด้าวทักษะสูง โดยให้จ้างเฉพาะกรณีที่มีการย้ายที่อยู่ถาวร
ส่วนในปี 2563 ทาง กกร. มองว่าอาจเกิดปัญหาเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทำให้ค่าระวางเรือมีแนวโน้มสูงขึ้น โดย กกร. นำคณะไปหารือกับกระทรวงคมนาคม เพื่อวางแผนรับมือในอนาคต รวมถึงแผนการช่วยเหลือผู้ประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรม ที่มีข้อเสนอของภาคเอกชนได้เสนอไปยังภาครัฐก่อนหน้านี้ เรื่องการตั้งกองทุนเพื่อซื้อโรงแรมที่ยังมีศักยภาพตามความเหมาะสม โดย กกร. ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด
อย่างไรก็ตาม ระยะนี้ปัจจัยที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบายการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไป หากโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อาจส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ กับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
