แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับบริษัท FTX ศูนย์ซื้อ-ขายคริปโต เปิดเผยว่า แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ผู้ร่วมก่อตั้ง FTX บอกกับนักลงทุนของบริษัทว่า บริษัทเผชิญกับการขาดสภาพคล่องมากถึง 8 พันล้านดอลลาร์ หรือเกือบราว 3 แสนล้านบาท
หลัง FTX ประสบปัญหาสภาพคล่อง บริษัทพยายามระดมเงินทุนฉุกเฉินทั้งจากการกู้ยืมและเพิ่มทุน ซึ่งบริษัทจำเป็นจะต้องได้รับเงินลงทุนอย่างน้อย 3-4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อที่บริษัทอาจจะกู้เงินได้เพิ่มขึ้นและยังอยู่รอดต่อไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Bitcoin Rainbow Chart อัปเดตแถบสีม่วงอันใหม่ ‘1 BTC = 1 BTC’ หลังจากราคาบิทคอยน์ดิ่งลงต่อเนื่อง
- 5 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับ Ethereum หลังการอัปเกรดครั้งสำคัญ ‘The Merge’
- เจมี ไดมอน จาก JP Morgan ชี้ สกุลเงินดิจิทัลรวมถึง Bitcoin เป็นแชร์ลูกโซ่แบบกระจายอำนาจ
แบงก์แมน-ฟรายด์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีความมั่งคั่งมากถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ กล่าวว่า เขาจะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณอย่างมหาศาลหากมีนักลงทุนยื่นมือเข้ามาช่วย และเคยมีคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับมหาเศรษฐีอย่าง จอห์น เพียร์พอยต์ มอร์แกน
ก่อนหน้านี้ FTX ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงหลายราย เช่น Sequoia Capital, BlackRock Inc., Tiger Global Management และ SoftBank Group Corp.
โดย Sequoia Capital ได้ตัดสินใจบันทึกด้อยค่าการลงทุนใน FTX.com และ FTX.us ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนให้เห็นว่า Sequoia มองไม่เห็นทางว่า FTX จะฟื้นกลับมาได้อย่างไร
ทั้งนี้ หน่วยงานกำกับของสหรัฐฯ ทั้ง The Securities and Exchange Commission และ Commodity Futures Trading Commission ต่างกำลังสืบสวนว่า FTX บริหารจัดการเงินของลูกค้าอย่างเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งความเชื่อมโยงของบริษัทต่างๆ ในเครือของ FTX ซึ่งรวมถึงบริษัทเทรดดิ้งอย่าง Alameda Research
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ราคาของเหรียญคริปโตส่วนใหญ่ดิ่งลงอีกครั้ง โดย Bitcoin ร่วงลงมาต่ำกว่า 16,000 ดอลลาร์ ต่ำสุดในรอบ 2 ปี
ด้าน Cz ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Binance ชี้ว่า ปัญหาด้านสภาพคล่องของ FTX สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นต่อวงการคริปโต ทั้งยังส่งผลต่อฝ่ายกำกับดูแลที่มีแนวโน้มจะเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต จากการที่ Binance มีสัดส่วนใหญ่ขึ้นในตลาด
ทั้งนี้ สำนักข่าว Financial Times ยังพบว่า Cz เขียนจดหมายถึงพนักงานว่า การเข้าช่วยซื้อกิจการของ Binance ต่อ FTX นั้นไม่ใช่ ‘ชัยชนะ’ แม้ในท้ายที่สุด Binance จะปัดตกดีลดังกล่าวไปก็ตาม
โดย Cz ชี้ว่า ฝ่ายกำกับดูแลจากทั่วโลกจะตรวจสอบอย่างเข้มงวดขึ้น รวมไปถึงการออกใบอนุญาตจะยากยิ่งขึ้น
หลังจากการประกาศขายเหรียญ FTX ทั้งหมดที่ Binance ถือครอง สถานการณ์ของ FTX ก็เริ่มแย่ลง จนไม่กี่วันต่อมาก็มีข่าวการประกาศเข้าซื้อกิจการเพื่อช่วยเหลือ FTX แพลตฟอร์มเทรดคริปโตชั้นนำของโลกจาก Binance
ซึ่ง Cz ก็ได้ย้ำว่า “ผมไม่ได้มีแผนที่จะทำสิ่งนี้มาก่อน และมันใช้เวลาน้อยกว่า 24 ชั่วโมงหลัง แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ติดต่อผมมา โดยที่ตัวผมเองนั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับงบของ FTX น้อยมาก และลองคำนวณในใจเพียงคร่าวๆ ถึงมูลค่าของบริษัท FTX จากรายได้เทียบกับบริษัทเรา แต่มันไม่แม่นยำแน่ๆ”
Cz กล่าวว่า เราจะเพิ่มความโปร่งใสอย่างมีนัยสำคัญผ่าน Proof-of-Reserve การทำประกันในเงินทุน และอื่นๆ ซึ่งในอนาคตจะมีงานยากๆ กับเราอย่างต่อเนื่อง ยังไม่รวมถึงความผันผวนในราคาเหรียญที่จะเกิดขึ้น
อ้างอิง:
