×

ส.อ.ท. กังวลภาวะเงินเฟ้อ-ต้นทุนพุ่ง วอนรัฐลดภาษี พร้อมตรึงดีเซลอีก 3-6 เดือน

02.06.2022
  • LOADING...
ภาวะเงินเฟ้อ

สภาอุตสาหกรรมฯ เผยผลสำรวจผู้บริหาร พบเอกชนกังวลภาวะเงินเฟ้อและภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบและพลังงาน วอนรัฐลดภาษีบางรายการที่จำเป็น ตรึงดีเซลอีก 3-6 เดือน

 

มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 17 ในเดือนพฤษภาคม 2565 ภายใต้หัวข้อ ‘เงินเฟ้อกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไร’ พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบของวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และปัญหา Supply Chain Disruption เป็นปัจจัยหลักที่เร่งให้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จนส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งจากราคาวัตถุดิบและพลังงาน รวมทั้งยังกดดันกำลังซื้อภาคครัวเรือนให้ลดลงอีกด้วย 

 

โดยผู้บริหาร ส.อ.ท. คาดว่าตลอดทั้งปี 2565 อัตราเงินเฟ้อของไทยจะอยู่ที่ระดับ 4-5% ดังนั้น จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต เช่น วัตถุดิบอาหารสัตว์ และปุ๋ย และตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและประชาชน

 

นอกจากนี้ หากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากยุโรปและสหรัฐฯ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้นอีก จนทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือ Recession ได้

 

จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 200 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 17 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้

 

  1. ปัจจัยใดเร่งให้เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

     อันดับที่ 1: ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น 86.50%

     อันดับที่ 2: ภาวะสงครามจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน 77.00%

     อันดับที่ 3: ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากปัญหา Supply Chain Disruption 69.50%

     อันดับที่ 4: ความต้องการสินค้าและบริการที่มีมากเกินไปหลังการเปิดประเทศ 13.50%

 

  1. ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ ผลกระทบในเรื่องใดส่งผลต่อเศรษฐกิจและประชาชนในวงกว้าง

     อันดับที่ 1: การแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จนส่งผลต่อภาวะราคาสินค้าแพง 88.50%

     อันดับที่ 2: ภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ 64.00%

     อันดับที่ 3: กำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ลดลง 57.00%

     อันดับที่ 4: ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังในการลงทุน และจำกัดการจ้างงาน 30.50%

 

  1. คาดการณ์เงินเฟ้อตลอดทั้งปี 2565 จะอยู่ในระดับใด

     อันดับที่ 1: อัตราเงินเฟ้อ 4-5% 50.00%

     อันดับที่ 2: อัตราเงินเฟ้อ 6-8% 43.00%

     อันดับที่ 3: อัตราเงินเฟ้อ 1-3% 7.00%

 

  1. ภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวอย่างไร ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

     อันดับที่ 1: ปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุน และบำรุงรักษาเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพ 74.50%

     อันดับที่ 2: นำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ 62.00%

     อันดับที่ 3: เน้นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เพื่อทดแทนการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ 54.00%

     อันดับที่ 4: หาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเป็นทางเลือก 50.50%

 

  1. ภาครัฐควรมีมาตรการอย่างไรในการเร่งดำเนินการแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง

     อันดับที่ 1: มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SMEs 59.50%

     อันดับที่ 2: ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต 58.50%

     อันดับที่ 3: ตรึงราคาน้ำมันดีเซลให้อยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร ต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือน 58.00%

     อันดับที่ 4: ควบคุมและดูแลราคาสินค้าไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาเกินจริง 53.00%

 

  1. ปี 2565 จะมีโอกาสที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) หรือไม่

     อันดับที่ 1: เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเกิดภาวะถดถอย 76.00%

     อันดับที่ 2: เศรษฐกิจโลกยังมีเสถียรภาพและสามารถขยายตัวได้ 24.00%

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising