จับตาเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง, GDP ญี่ปุ่นดีกว่าคาด แต่การบริโภคยังอ่อนแรง: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (10 มิถุนายน 2562)

จับตาตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จากสำนักสถิติแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะมีการขยายตัวมากกว่า 7 ล้านตำแหน่ง เป็นเวลา 7 เดือนต่อเนื่อง สะท้อนภาคตลาดแรงงานที่ยังแข็งแกร่ง ผลักดันการบริโภคภายในประเทศ โดยในครั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่ายังขยายตัวต่อเนื่องที่ 7.24 ล้านตำแหน่ง

เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในประเทศไทยสุทธิ 40,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สุทธิ 11,300 ล้านบาท และตราสารหนี้ประมาณ 28,000 ล้านบาท กดดันภาคการส่งออกของประเทศไทย

ญี่ปุ่นรายงานการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ดีกว่าคาดที่ระดับ 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2018 (YoY) ส่งผลให้ดัชนีหุ้น NIKKEI 225 เปิดตลาดพุ่ง 1.20% อย่างไรก็ตาม การขยายตัวในครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการนำเข้าที่ลดลง ส่งผลให้ยอดส่งออกสุทธิเพิ่มขึ้น สะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ จึงยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

สหรัฐฯ ระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% กับทุกสินค้าที่จะมีผลในวันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน หลังบรรลุข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับผู้อพยพ เป็นผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ขานรับข่าวดีทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 26,000 จุดอีกครั้งก่อนปรับตัวย่อเล็กน้อย ประกอบกับตลาดยังคงให้ความสำคัญถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปยังกลางปี 2020 พร้อมใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรับประมาณการเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มเติม 0.1% เป็น 1.2% ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ผลักดันราคาทองคำทะยานสู่ระดับ 1,345 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

สภาวะตลาดวานนี้

IMF เรียกร้องฝรั่งเศสคุมเข้มหนี้สาธารณะ เนื่องจากสูงเกินไปอยู่เกือบ 100% ของ GDP แนะรัฐบาลควรเร่งปฏิรูปภาษีและตลาดแรงงานเพื่อให้เศรษฐกิจยังพยุงตัวได้แม้การเติบโตชะลอตัว และคาดการณ์ขยายตัวปีนี้ 1.3% และทรงตัวในระยะกลางที่ 1.5% เป็นผลจากอุปสงค์ทั้งในและนอกประเทศ และการปฏิรูปล่าสุด

การประชุม G20 เห็นพ้องตรงกันเรื่องสงครามการค้าว่าเป็นปัญหาต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่กลับไม่ได้มีความเห็นถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในการประชุม สำหรับการปฏิรูปองค์การการค้าโลก G20 ลงความเห็นว่าควรปฏิรูป เนื่องจากระเบียบการค้ามีความล้าสมัย

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสำหรับรอบ 6 เดือน (ต.ค. 2561 – มี.ค. 2562) อยู่ที่ 1,339 ไร่ ขยายตัว 5.25% เทียบปีก่อน โดยเป็นพื้นที่นิคมฯ ในอีอีซีถึง 1,328 ไร่ ประเทศ (และดินแดน) ที่เข้ามา 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์ สำหรับทิศทางครึ่งปีหลัง กนอ. คาดมีแนวโน้มที่ดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมที่เชื่อมโยงเส้นทางการค้าการลงทุนเต็มรูปแบบมากขึ้น