- วานนี้สหรัฐฯ รายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมออกมาที่ระดับ 100.9 จุด ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 102 จุด และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 101.3 จุด สะท้อนความกังวลที่ก่อตัวหลังจำนวนผู้ติดโควิด-19 ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับความล่าช้าในมาตรการเยียวยาที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้
- คืนที่ผ่านมา Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2020 มีรายได้ 37,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 12% (YoY) เหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 35,720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำไร 1.82 ดอลลาร์ต่อหุ้น เหนือคาดการณ์ที่ 1.38 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจกลุ่ม Cloud ที่ขยายตัวกว่า 20% มีรายได้แตะระดับ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเยือนอินเดียเพื่อหารือยุทธศาสตร์ประจำปีร่วมกันว่า สหรัฐฯ และอินเดียจะต้องร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากจีน หลังจากที่จีนและอินเดียนั้นเกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเผชิญหน้ากันของกองทัพทั้งสองฝ่ายในช่วงที่ผ่านมา โดยการเยือนในครั้งนี้ สหรัฐฯ และอินเดียสามารถบรรลุข้อตกลงทางการทหาร ซึ่งช่วยให้อินเดียเข้าถึงข้อมูลแผนที่และดาวเทียมขั้นสูงของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มความแม่นยำของขีปนาวุธและโดรน
- คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) แถลงว่ามีโอกาสน้อยมากที่ปริมาณวัคซีนต้านโควิด-19 จะเพียงพอต่อประชาชนทั่วสหภาพยุโรปทันสิ้นปี 2021 นี้ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้วัคซีนมากกว่า 1,000 ล้านโดส ต่อจำนวนประชากร 450 ล้านคนจาก 27 ประเทศในกลุ่ม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเร่งจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อความต้องการ
- วานนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ารายงานยอดการจดทะเบียนธุรกิจเดือนกันยายนออกมาที่ 5,636 ราย รวมมูลค่าทุนจดทะเบียน 12,782 ล้านบาท ลดลง 19% (YoY) นำมาโดยการจดทะเบียนธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ และบริการอาหารในร้านอาหาร ซึ่งมองว่าการฟื้นตัวของการจดทะเบียนธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารนั้นเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ขณะที่การเลิกประกอบกิจการนั้นอยู่ที่ระดับ 1,568 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวนรวม 8,480 ล้านบาท ลดลง 19% (YoY) นำโดยธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าปี 2020 นี้จะมีการตั้งธุรกิจ 60,000-64,000 ราย ลดลงจากปี 2019 ที่ระดับ 72,000 ราย หลังโควิด-19 สร้างแรงกดดันต่อการทำธุรกิจ
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแออีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะได้รับประโยชน์จากการล็อกดาวน์ในหลายๆ ที่ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเช่นกันแม้ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 จะออกมาแข็งแกร่งก็ตาม แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอไปอีก อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ จากการประชุม ECB ที่จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังมีพายุถล่มในอ่าวเม็กซิโกจนอาจส่งผลให้การผลิตลดลง 50% ช่วยลดความกังวลที่อาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มชะงัก และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีท่าทีสิ้นสุด ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลบเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27,463.19 ลดลง -222.19 (-0.8%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,390.68 ลดลง -10.29 (-0.3%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11,431.35 เพิ่มขึ้น 72.41 (0.64%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12,063.57 ลดลง -113.61 (-0.93%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,728.99 ลดลง -63.02 (-1.09%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,070.6 ลดลง -34.65 (-1.12%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 18,659.5 ลดลง -285.64 (-1.51%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23,485.8 ลดลง -8.54 (-0.04%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6,051 ลดลง -104.6 (-1.7%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,254.32 เพิ่มขึ้น 3.2 (0.1%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13,269.65 เพิ่มขึ้น 78.41 (0.59%)
- China A50 อยู่ที่ 15,702.09 ลดลง -92.52 (-0.59%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24,787.19 ลดลง -131.59 (-0.53%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,875.01 ลดลง -34.02 (-0.26%)
- SET อยู่ที่ 1,208.95 เพิ่มขึ้น 0.98 (0.08%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,330.84 ลดลง -13.07 (-0.56%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5,128.23 ลดลง -15.82 (-0.31%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 40,522.1 เพิ่มขึ้น 376.6 (0.94%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6,415.08 ลดลง -76.11 (-1.17%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 38.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.24 (0.62%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 41.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31 (76%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1905.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.03 (0.16%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters